นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะได้ยินมาบ้างว่า ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องของ "เวทีประกวดนางงาม"
ที่ผู้หญิงทั่วทุกมุมโลกจะเดินทางมาประกวดนางงามที่บ้านเรา
แต่รู้หรือไม่ว่า การประกวดนางงาม เราสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอื่นๆได้อีกมาก
แต่น่าเสียดาย ที่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้มีหุ้นลักษณะนี้ให้เห็นได้บ่อยนัก
เมื่อไม่นานมานี้ มีหุ้นน้องใหม่ IPO เข้ามาซื้อขายที่ทำธุรกิจประกวดนางงามโดยตรง
นั้นก็คือ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI
พูดแบบสั้นๆ บริษัทประกอบธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามและอาหาร และเป็นตัวแทนนายหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับศิลปิน
ถ้าให้อธิบายแบบยาวๆ บริษัทประกอบ 4 กลุ่มธุรกิจหลักด้วยกัน คือ
1. ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ (Pageant)
ธุรกิจจัดประกวดนางงามทั้งระดับในประเทศและระดับต่างประเทศ โดยบริษัทดำเนินการจัดประกวดนางงามในประเทศเพื่อค้นหาผู้หญิงไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เหมาะสม เพื่อมาดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์ ไทยแลนด์
นางงามที่ได้รับคัดเลือกจะมีหน้าที่ในการทำงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์สินค้าและธุรกิจบริการของบริษัท รวมถึงเป็น Presenter ผู้นำเสนอสินค้าและบริการของบริษัทผ่านสื่อในช่องทางต่างๆ ให้แก่กลุ่มลูกค้าของบริษัท
โดย บริษัทจะขายลิขสิทธิ์การประกวดนางงามระดับจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดในแต่ละปี ให้กับผู้ได้รับลิขสิทธิ์การประกวดระดับจังหวัด (เรียกว่า Provincial Director หรือ PD)
โดย PD จะมีหน้าที่ต้องจัดประกวดเพื่อคัดเลือกนางงามมิสแกรนด์จังหวัด เข้าประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ต่อไป
2. ธุรกิจพาณิชย์ (Commerce)
ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคทั้งสินค้าที่อยู่ ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ได้แก่ Miss Grand MGI และ NangNgam รวมถึงจัดจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท (สัดส่วน 75 : 25)
... สินค้าที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้า Nangngam จะเป็นสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย ได้แก่ เซรั่มทาหน้า เซรั่มทาคอ และสินค้าบริโภค ได้แก่ น้ำพริกปลาสลิด เป็นต้น
... สินค้าที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้า Miss Grand จะเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความสัมพันธ์กับการประกวดนางงามมิสแกรนด์ ทั้งในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมและกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารเสริม ได้แก่ น้ำหอม กาแฟลดน้ำหนัก คอลลาเจน
... สินค้าที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้า MGI จะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ประเภทสินค้าแฟชั่น ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า
... สินค้าที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าอื่น ที่ไม่ใช่เครื่องหมายการค้าของบริษัท ได้แก่ กาแฟผสมถั่งเช่า คอลลาเจนไดเปปไทด์ วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงสินค้าบริโภค เช่น น้ำพริกกากหมู ปลาร้าทรงเครื่อง
3. ธุรกิจสื่อและบันเทิง (Media and X-Periences)
ธุรกิจสื่อ หรือ Media เป็นธุรกิจซื้อมาจำหน่ายไปเวลาออกอากาศ (Airtime) โดยบริษัทจะดำเนินการพิจารณาซื้อช่วงเวลาการโฆษณาจากรายการที่มีชื่อเสียงตามสื่อโทรทัศน์ จากการพิจารณาชื่อเสียงและกระแสตอบรับของรายการจากผู้ชมและดำเนินการจำหน่ายช่วงเวลาออกอากาศให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจจะโฆษณาสินค้า
ธุรกิจบันเทิง หรือ X-Periences เป็นธุรกิจจัดกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ให้กลุ่มลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับนางงามและศิลปินของบริษัท เช่น การจัดคอนเสิร์ต วงดนตรี และการจำหน่ายบัตรเข้าชม รวมถึงค่าสมาชิกในการสมัครเข้าชมการแสดงของบริษัทบนแพลทฟอร์ม Facebook
และการถ่ายทำซีรีย์เพื่อออกอากาศในช่องทาง Youtube ภายใต้ชื่อ GrandTV
4. ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน (Talent)
ธุรกิจบริหารจัดการศิลปินเป็นธุรกิจสืบเนื่องจากการประกวดนางงามมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ และมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยบริษัทจะทำสัญญากับผู้ชนะการประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ผู้ได้รับอันดับรองลงมาในการประกวดมิสแกรนด์ ไทยแลนด์ และผู้ชนะมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นศิลปินในสังกัดของบริษัทเพื่อปฎิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายตามที่บริษัทจัดหางานมาให้ ได้แก่ งานรีวิวสินค้า งานพิธีกร งานโชว์ตัว งานเดินแบบ งานแสดงภาพยนตร์
ที่น่าสนใจ คือ โครงสร้างรายได้หลักของ MGI ที่นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่าน่าจะมาจากการประกวดนางงาม
แต่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะรายได้หลักอันดับหนึ่งของบริษัทมาจากธุรกิจ Commerce
ถ้าเราดูจากปี 2566 ผลประกอบการ 9 เดือน จะมาจาก 5 ส่วนหลักด้วยกัน คือ
1. ธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) สัดส่วนรายได้ 41%
2. ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ สัดส่วนรายได้ 13%
3. ธุรกิจสื่อและบันเทิง สัดส่วนรายได้ 19%
4. ธุรกิจบริหารศิลปิน สัดส่วนรายได้ 23%
5. รายได้ค่าเช่าช่วง MGI Hall สัดส่วนรายได้ 4%
เรียกได้ว่า เป็นธุรกิจนางงาม แต่กลับมีสัดส่วนรายได้หลักจากธุรกิจพาณิชย์ ที่ขายสินค้าอุปโภค (สัดส่วนรายได้ 21%) และสินค้าบริโภค (สัดเส่วนรายได้ 20%)
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ MGI
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 338.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 44.8 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 345.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 29.1 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 319.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 74.8 ล้านบาท
และ ปี 2566 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 432.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 77.1 ล้านบาท
โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงระดับ 42% - 48%
- SCGD เอสซีจี เดคคอร์ น่าสนใจในการลงทุน มากแค่ไหน ?
- กรณีศึกษา SABINA ชุดชั้นในสตรี ที่ยอดขายเติบโตมากจากแพลตฟอร์มออนไลน์
- Future Energy and Beyond กำลังจะเป็น New S-curve ใหม่ของ PTT
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่า
ด้วยความหลากหลายของธุรกิจ MGI คำถาม คือ แล้วการเติบโตต่อไปอยู่ที่ตรงไหน ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า ได้วิเคราะห์จุดเด่นของหุ้น MGI ออกเป็น 4 ข้อด้วยกัน คือ
1. เป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ มีผู้ติดตามมาก และได้ยอดผู้ชมสูงสุดบนแพลตฟอร์มออนไลน์
2. การนำนางงามไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจพาณิชย์ และธุรกิจบันเทิง
3. ผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง กำไรฟื้นตัว รายได้แข็งแกร่ง
4. สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง เป็น Net Cash Company ไม่มีภาระหนี้สิน
ด้วยเหตุผล 4 ข้อที่ผ่านมา ทำให้ผลประกอบการของ MGI อยู่ในช่วงขาขึ้น และการขยายธุรกิจใหม่ ..
ฝ่ายวิจัย มองว่า ธุรกิจประกวดนางงามมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จะส่งต่อไปยังธุรกิจอื่นๆที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม
อีกทั้ง การบริหารประสิทธิภาพการทำกำไร ก็มีแนวโน้มดีขึ้น
เช่น ลดจำนวนการขายผ่านทีวี มาเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์แทน
ฝ่ายวิจัยคาดว่า EBITDA Margin น่าจะสูงถึง 22.7% ในปี 2567 จากเดิมที่ทำได้ราวๆ 19.7%
นอกจากนี้ การระดมทุน (และบริษัทไม่มีหนี้สิน) จะช่วยสร้างการเติบโคอย่างเต็มที่
เช่น ขยายสำนักงานใหม่ เพิ่มขนาดสตูดิโอของบริษัท การลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผลิตรายการได้มากขึ้น
และลงทุนระบบ IT จะช่วยสร้างการเติบโตของบริษัทให้มีมากยิ่งขึ้น
ฝ่ายวิจัย มองว่า ผลประกอบการของ MGI จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ถือเป็นหุ้น IPO น้ำดีของปี 2566 ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม ครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
ข้อมูล Filling : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
นักลงทุนสัมพันธ์ : บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)