#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

รู้จัก LandBridge สะพานเศรษฐกิจไทย ที่ต่างชาติกำลังให้ความสนใจ

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
7,326 views

เวลาเราพูดถึงเรื่องการลงทุนในประเทศไทย
เชื่อว่านักลงทุนกว่า 80% คงจะส่ายหน้าอย่างแน่นอน เพราะไม่มีประเด็นอะไรให้น่าสนใจ
แต่รู้หรือไม่ ว่ามีอยู่โครงการหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมาก และรัฐบาลเองก็พยายามผลักดันอย่างเต็มที่

 

เมื่อไม่นานมานี้นายกฯเศรษฐา ได้นำโครงการ "แลนด์บริดจ์" (LandBridge) ไปบรรยายให้กับนักลงทุนต่างประเทศฟัง โดยเฉพาะนักลงทุนชาวจีน และซาอุดิอาระเบียให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
โดยโครงการจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง 2 ท่าเรือน้ำลึก ฝั่งอ่าวไทย และ ฝั่งอันดามัน 
โดยใช้งบมากถึง 1 ล้านล้านบาท

ทำไมโครงการนี้ถึงน่าสนใจ ? 
จริงๆแล้วโครงการแลนด์บริดจ์ มีการศึกษากันมานานแล้ว จุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยรัชการที่ 4
แต่อาจจะเรียกในชื่ออื่นๆ เช่น ขุดคอคอดกระ ขุดคลอง เพื่อเชื่อมการขนส่งทางเรือ ระหว่างทะเล 2 ฝั่งไทย
โดยปกติ เวลาเรือบรรทุกสินค้าเดินทางมาจากฝั่งอันดามัน เพื่อจะมาฝั่งอ่าวไทย จำเป็นต้องนำเรืออ้อมไปยังช่อบแคบมะละกา ทางฝั่งสิงคโปร์ ซึ่งจะกินระยะเวลาอีกราวๆ 3-5 วัน ซึ่งถ้าเรามีการขุดคลองเพื่อเชื่อมฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จะเป็นเส้นทางการค้าแห่งใหม่ที่สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาได้มากกว่า
แต่ในสมัยก่อน ติดปัญหาที่การก่อสร้างยังไม่เจริญ ใช้เวลาก่อสร้างนาน และใช้งบลงทุนที่สูงมาก จึงมาๆหายๆ ไม่ประสบความสำเร็จ
จนมาเริ่มจับอีกครั้งในช่วงปี 2548 สมัยรัฐบาลไทยรักไทยของนายกฯทักษิณ ชินวัตร
แต่ด้วยปัญหาทางการเมือง โครงการนี้ก็หายตามไปด้วย
จนกระทั่งสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ก็ได้มีการผลักดันเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น 
แต่ได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็น "แลนด์บริดจ์" แทน  

 

โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมต่อระหว่าง 2 ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทย และ อันดามัน เข้าด้วยกัน 
ระหว่างจังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง สรุปออกมาเป็น 4 ข้อด้วยกัน คือ
1. การพัฒนาท่าเรือน้ำลึก 2 ฝั่ง แหลมอ่าวอ่าง อันดามัน จ.ระนอง และ แหลมริ่ว อ่าวไทย จ.ชุมพร เป็นท่าเรือที่ทันสมัย Smart port   ควบคุมด้วยระบบออโตเมชั่น  ความลึก  15 เมตร  แบ่งการสร้างเป็น 4 เฟส เฟสแรก งบ 5 แสนล้าน  เปิดประมูลปี  2568  คาดแล้วเสร็จปี 2573

2. การพัฒนาทางหลวงมอเตอร์เวย์ 6 เลน เชื่อมระหว่าง จ.ระนอง และ จ.ชุมพร ระยะทาง 90 กม.

3. การพัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่เชื่อมระหว่าง จ.ระนอง และ จ.ชุมพร

4. สร้างการขนส่งแบบ Pipeline หรือการขนส่งโดยใช้ระบบท่อ

สำนักข่าวหลายแห่งคาดว่าจะดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP)ภายในเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2568 ควบคู่กับการดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดิน และจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในช่วง ม.ค. 2568-ธ.ค. 2569
หลังจากนั้นจะเสนอ ครม.อนุมัติลงนามในสัญญาภายใน ก.ค.-ส.ค. 2568 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างใช้ระยะเวลา 5 ปี หรือ ก.ย. 2568-ก.ย. 2573 
และเปิดให้บริการใน ต.ค. 2573
พูดง่ายๆ คือ เราจะได้เห็นโครงการนี้แบบใช้งานได้จริง ในอีก 6 ปีข้างหน้า เรียกได้ว่าไม่นานเลย

 

Image Source : https://www.landbridgethai.com/project/

 

แน่นอนว่าโครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างมากเพราะมีข้อดีอยู่หลายอย่าง เช่น 
- ช่วยลดระยะเวลาขนส่งสินค้าทางเรือ จากประเทศแถบตะวันออกไทย ไป เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และ ยุโรป ได้ถึง 2วันครึ่ง จากเดิมผ่านช่องแคบมะละกา  9 วัน เหลือ 5 วัน  
- ลดความแออัดของจราจร ผ่านช่องแคบมะละกา ที่คาดว่าปี 2467 จะมีปริมาณเรือเต็มศักยภาพจะรับไหว  
- ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในภายใต้ และช่วยเพิ่ม GDP ภาคใต้ได้ จาก 2% เป็น 10% ต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี

แต่ทุกสิ่งมีข้อดี ย่อมมีข้อเสียตามมาด้วย เพราะโครงการแลนด์บริดจ์ ส่งผลกระทบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
ผลกระทบทางธรรมชาติ น้ำเสีย การตัดไม้ทำลายป่าน คราบน้ำมัน น้ำมันรั่ว และสัตว์น้ำถูกทำลาย
กระทบวิถีชีวิตชาวบ้าน โดยเฉพาะมลภาวะทางเสียง ฝุ่น แสงไฟ
กระทบเรื่องที่อยู่อาศัย กับการเวนตืนที่ดินจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

ยังไม่นับเรื่องความคุ้มค่าที่จะเกิดขึ้นแค่ไหน ? 
เพราะเราต้องไม่ลืมว่า การเปลี่ยนขั้วรัฐบาล นโยบายเก่าๆมักจะถูกตีตกเสมอ
เช่น ในสมัยของพลเอกประยุทธ์มีการโปรโมตโครงการ "อีอีซี" กันอย่างมาก
แต่พอมีการเปลี่ยนรัฐบาล โครงการอีอีซี ก็ดูกระแสเงียบไป
ทำให้สื่อหลายสื่อมองว่า เป็นโครงการโปรเจคใหญ่ที่อาจจะไม่สำเร็จก็เป็นไปได้

 

 

สุดท้าย ไม่ใช่แค่โครงการ แลนด์บริดจ์ อย่างเดียว
แต่ยังมีอีกโครงการที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ "คลองไทย"
โดยเส้นทาง คลองไทย จะผ่าน จ.สงขลา จ.พัทลุง จ.ตรัง จ.นครศรีธรรมราช และ จ.กระบี่ 
ระยะทาง 135 กม.ความกว้าง 300 - 400 ม. ความลึก 25 - 35 ม. 
และคาดว่า จะช่วยย่นระยะทางการเดินเรือได้ 1,200 – 3,500 กม.
แต่ข้อเสีย คือ จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก
และนักวิชาการหลายคน ก็มีความเห็นว่าโครงการแลนด์บริดจ์ มีความน่าสนใจมากกว่า โดยเงินลงทุนคุ้มค่ามากกว่าและการก่อสร้างที่ไม่นาน
ดังนั้น โจทย์นี้ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายรัฐบาลไทยอย่างมาก 
ว่าจะมีวิธีจัดการกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร
ต้องติดตามกันต่อไปครับ ...

------------------------------------------------------------------------------
Reference
https://www.landbridgethai.com/project/

https://www.springnews.co.th/blogs/program/spring-conclude/844375

https://www.thaipbs.or.th/news/content/310784

https://www.facebook.com/realist.co.th/posts/3577753402333508/

https://www.thairath.co.th/news/politic/2736905


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง