ใครที่บอกว่าตลาดหุ้นไทย ไม่มีหุ้นเทคโนโลยี
อาจจะเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง
ในความเป็นจริงแล้วตลาดหุ้นไทย มีหุ้นเทคโนโลยี
แต่เป็นหุ้นเทคโนโลยีขนาดเล็ก
แต่จุดเด่น คือ การเติบโตอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
มีอะไรบ้าง มาดูกัน ?
1. BBIK หรือ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัททำธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลุยทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
บริษัทมีรายได้อยู่ราวๆ 200 ล้านบาทในปี 2562 และกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้ 567 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท
โดยโครงสร้างรายได้ของบริษัท แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน คือ
1. ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting) สัดส่วน 15%
2. ธุรกิจการบริหารโครงการเชิงยุทธ์ศาสตร์ (Strategic PMO) สัดส่วน 11%
3. ธุรกิจการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี ความปลอดภัยไซเบอร์ สัดส่วน 62%
4. การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์ สัดส่วน 12%
2. BE8 หรือ บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน)
บริษัททำธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ให้บริการแบบครบวงจรในด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) การวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล และเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ของบริษัทชั้นนำ เช่น Salesforce, Google, MuleSoft, และ Tableau
บริษัทมีรายได้อยู่ราวๆ 313 ล้านบาทในปี 2563 และกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท
พอมาปี 2565 บริษัทมีรายได้ 1.23 พันล้านบาท และกำไรสุทธิสูงถึง 133 ล้านบาท
โดยโครงสร้างรายได้ของบริษัท แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลักด้วยกัน คือ
1. ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ และเทคโนโลยี สัดส่วนรายได้ 61%
2. งานสนับสนุนเทคโนโลยี สัดส่วนรายได้ 38%
3. รายได้อื่นๆ สัดส่วนรายได้ 1%
จุดเด่นการเติบโตของ BE8 ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ
1. การขยายธุรกิจไปต่างประเทศ เช่น เวียดนาม และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟแวร์ Salesforce เป็นรายแรกของเวียดนาม
2. กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี
รวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ อย่าง SMEs ไปพร้อมกัน
3. การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าที่ต้องซื้อจายผู้อื่น
3. GABLE หรือบริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน)
บริษัทเทคโนโลยี ที่ทำธุรกิจอยู่ในวงการนี้มาแล้วกว่า 33 ปี ด้วย 5 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ
1. โซลูชั่นด้านระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Solution)
2.โซลูชั่นด้านระบบคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ (Cloud and Data Center Modernization Solution)
3.โซลูชั่นด้านระบบจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์ (Data and Analytics Solution)
4.โซลูชั่นด้านธุรกิจดิจิทัล (Digital Business and Application Solution)
5.โซลูชั่นด้านการบริหารจัดการระบบสารสนเทศ (Managed Tech Services Solution)
ในปี 2563 บริษัทมีรายได้ 5.17 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 165.92 ล้านบาท
แต่พอมาในปี 2565 บริษัทมีรายได้ 4.73 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 268.16 ล้านบาท
เป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดยบริษัทมีโครงสร้างรายได้หลัก จาก 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
1. กลุ่มธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระดับองค์กร สัดส่วนรายได้ 77%
2. กลุ่มธุรกิจโซลูชั่นที่เป็นตัวแทนจำหน่าย สัดส่วนรายได้ 22%
3. กลุ่มธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม สัดส่วนรายได้ 1.5%
ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่กำลังวิ่งไปตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
เป็นบริษัทที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากครับ
- รู้จัก BE8 หุ้น P/E 63 เท่า แต่ทำไมถึงมองว่าราคาไม่แพง
- S-Curve ใหม่ของ GABLE อยู่ที่ตรงไหน ?
- InsurTech กำลังจะทำให้ธุรกิจประกันเติบโตอย่างก้าวกระโดด
4. AIT หรือ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
หนึ่งในหุ้นที่นักลงทุนรุ่นเก๋าน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี
บริษัททำธุรกิจเป็นผู้ออกแบบระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร (System Integrator หรือ SI) ให้บริการในกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีลักษณะการขายเป็นแบบเบ็ดเสร็จ หรือ เทิร์นคีย์ (Turn Key) ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การวางแผนงานโครงการ การออกแบบระบบ การดำเนินการ การติดตั้ง การฝึกอบรม และการซ่อมบำรุงรักษา
ในปี 2562 บริษัทมีรายได้ 7.07 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 392 ล้านบาท
พอมาในปี 2565 บริษัทมีรายได้ 6.72 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 542 ล้านบาท
รายได้ลดลง แต่กำไรมากขึ้น มาจากอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้น จากเมื่อก่อนอยู่ราวๆ 5%
มาอยู่ที่ 8%
โดยบริษัทมีโครงสร้างรายได้จาก 3 ส่วนหลักด้วยกัน คือ
1. รายได้จากการขายและบริการ สัดส่วนรายได้ 94%
2. รายได้จากค่าเช่าอุปกรณ์ สัดส่วนรายได้ 4%
3. รายได้อื่นๆ 2%
5. DITTO หรือ บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัททำธุรกิจให้บริการทางด้านระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจร (Data & Document Management), การบริหารระบบงาน (Business Process Outsourcing), Data Security, เทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ (Climate Technology), คาร์บอนเครดิต และรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี (Technology Devices & Engineering)
ในปี 2562 บริษัทมีรายได้ 988 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท
พอมาปี 2565 บริษัทมีรายได้ 1.23 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 235 ล้านบาท
โดยบริษัทมีโครงสร้างรายได้จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลักด้วยกัน คือ
1. ธุรกิจจัดจำหน่าย และให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร สัดส่วนรายได้ 39%
2. ธุรกิจให้เช่าบริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์และสินค้าเทคโนโลยีอื่น ๆ สัดส่วนรายได้ 30%
3. ธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการ สัดส่วนรายได้ 31%
6. IIG หรือ บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัททำธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน คือ
ธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีให้แก่ภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งออกตามประเภทของการดำเนินธุรกิจได้ ดังนี้ 1. ธุรกิจที่ปรึกษาและให้บริการออกแบบติดตั้งระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) และให้เช่าใช้ระบบซอฟต์แวร์จากทาง Salesforce
2. ธุรกิจที่ปรึกษาและให้บริการออกแบบติดตั้งระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) และเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบซอฟต์แวร์จากทาง Oracle
3. ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์แบรนด์ (Brand Strategy) การสร้างและบริหารประสบการณ์ (Experience Management) และการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing)
4. ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร ในส่วนงานสารสนเทศ
5. ธุรกิจด้านการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลเพื่อธุรกิจ
ในปี 2562 บริษัทมีรายได้ 396 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท
พอมาปี 2565 บริษัทมีรายได้ 960 ล้านบาท และกรำไสทุธิ 84 ล้านบาท
นี้เป็น 6 บริษัทเทคโนโลยีในตลาดหุ้นไทย
ที่นักลงทุนไทยควรรู้จัก ครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน BBIK : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน BE8 : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน GABLE : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน AIT : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน DITTO : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน IIG : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย