ช่วงนี้ข่าวสารปัจจัยลบเยอะเป็นพิเศษ ...
คำถาม คือ ตอนนี้นักลงทุนเขากังวลอะไรกัน ?
คำตอบ น่าจะมาจาก 3 ประเด็นหลักๆ คือ
1. ราคาน้ำมันแพง ดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น
ตอนนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent อยู่ที่ 94.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
สร้างความกังวลว่า การขาดดุลการค้าของไทยอาจจะสูงขึ้น (เพราะเรานำเข้าน้ำมัน)
อีกทั้งยังเป็นต้นทุนของสินค้าและบริการหลายๆอย่าง
ดังนั้น ในปีหน้าเรื่องของน้ำมันดิบ อาจจะทำให้เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นได้
และเมื่อเงินเฟ้อสูง ก็อาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกสักระยะ
สร้าง Sentiment เชิงลบให้กับตลาดหุ้น
2. เงินบาทอ่อนค่า
ปัจจุบัน ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าไปอยู่ที่ 36.04 บาทต่อดอลลาร์
สาเหตุเพราะ FundFlow ไหลออกจากทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้
โดยต่างชาติขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้ SET Index ปรับตัวลงไปแล้วราวๆ -2.74%
และในตลาดตราสารหนี้ ขายไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาทตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ส่งผลให้ตลาด Bond Yield ปรับขึ้น 21 bps มาอยู่ที่ 2.4% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25%
3. การลดอันดับเครดิตของ Fitch Rating ในประเทศไทย
การแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กำลังเป็นการก่อหนี้ของประเทศให้สูงขึ้น
เมื่อหนี้ของประเทศสูงขึ้น และฐานะทางการคลังอ่อนแอ ประเทศไทยอาจจะเจอกับภาวะเสี่ยงกับการถูกลดอันดับเครดิตลงได้
- กรณีศึกษา LPN อดีตเจ้าตลาดคอนโด แต่ทำไมราคาหุ้น -70%
- ไม่เก็บภาษีหุ้นไทย กำลังทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
- ผู้ว่าแบงก์ชาติ ยอมรับดิจิทัลวอลเล็ตกระทบเสถียรภาพการเงินไทย แนะรัฐกระตุ้นเฉพาะกลุ่ม - ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
นี้เป็น 3 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามก้นต่อไป
ถ้าถามว่าปัจจัยไหน น่ากังวลที่สุด
คำตอบ น่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น
เพราะการที่น้ำมันพุ่งสูง จะทำให้เงินเฟ้อของเราปีหน้าสูงขึ้นตามไปด้วย
และเมื่อเงินเฟ้อสูง เราอาจจะเห็นแบงก์ชาติกลับมาปรับขึ้นดอกเบี้ยกันอีกรอบ
สร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหุ้นต่อไปอีกสักระยะครับ
ดังนั้น นักลงทุนจำเป็นต้องจับตา 3 ปัจจัยเชิงลบนี้กันอย่างใกล้ชิด