ภายใต้สภาวะตลาดที่ผันผวน ย่อมมีโอกาสการลงทุนอยู่เสมอ
คำพูดนี้ใช้ได้จริง โดยเฉพาะหุ้น TKN ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่าง Outperform ตลาด
โดยภายใน 1 ปี ราคาหุ้น +84%
เลยทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจว่า มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจในหุ้น TKN
คำตอบ น่าจะประกอบไปด้วย 3 เหตุผลหลักด้วยกัน คือ
1. ผลประกอบการฟื้นตัวอย่างเด่นชัดหลังผ่านพ้นโควิด
ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 3.99 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 242 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 3.63 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 182 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 4.39 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 434 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าผลประกอบการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงผลประกอบการ 6 เดือน ปี 2566 บริษัทมีรายได้ 2.57 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 361 ล้านบาท
ไม่เพียงแค่กำไรดีขึ้น แต่อัตรากำไรสุทธิยังเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
จากช่วงวิกฤตโควิด อัตรากำไรสุทธิอยู่ราวๆ 5-6%
แต่พอผ่านพ้นหลังโควิด อัตรากำไรสุทธิพุ่งสูงถึง 10% และทำได้สูงสุดในผลประกอบการล่าสุดอยู่ที่ 14%
2. การขยายตลาดต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ
ผลประกอบการที่ตลาดต่างประเทศ ถือว่าทำผลงานได้ดีมากโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
สังเกตได้จาก ระยะเวลาเฉลี่ยนเก็บเงินได้จากลูกหนี้ (A/R Ratio) โดดเด่นเพียง 14 วัน
หลังจากประสบความสำเร็จในการนำเสนอสาหร่ายรสชาติใหม่ๆ และสาหร่ายอบ เข้าสู่ตลาด และรวมถึงแคมเปญการตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มการรับรู้
3. ธุรกิจร้านอาหาร ที่กำลังดูดีขึ้นเรื่อยๆ
นักลงทุนหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า TKN นอกจากจะทำธุรกิจสาหร่ายที่เป็นขนมกินเล่นแล้ว
บริษัทยังมีธุรกิจอาหารอีกด้วย
โดยเป็นร้านอาหารแกงกะรี่ญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ "Hinoya Curry"
และธุรกิจสตรีทฟูดส์ประเภทฮ๊อตด๊อก ภายใต้ชื่อ "Bomber Dog"
- CPF ขาดทุนหนักกว่า 3.5 พันล้านในครึ่งปีแรก แต่ทำไมราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว 9% ใน 1 เดือน ?
- CPALL กำลังได้รับประโยชน์ จากนโยบายรัฐบาลใหม่อย่างมาก
- STA รถไฟฟ้า EV หนุนใช้ยางมากขึ้น แต่ทำไมเราถึงไม่ควรมองดีเกินไป
อ่านมาถึงตรงนี้ ...
คำถาม คือ แล้วตอ่จากนี้ TKN จะยังน่าสนใจอยู่อีกต่อไปไหม ?
คำตอบ คือ ยังน่าสนใจ
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น TKN จาก 8 เหตุผลด้วยกันคือ
1. ยอดขายของ TKN จะเพิ่มเป็น 20% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
2. ปีหน้า ยอดขายจะเติบโตอีก 15%
3. ธุรกิจผลิตป๊อบคอร์นของ MAJOR จะเริ่มเข้ามาในเดือนกันยายน ปีนี้
4. การปรับราคาขายสินค้า เพื่อสะท้อนต้นทุนสาหร่ายที่แพงขึ้น
5. ตลาดต่างประเทศทำผลงานได้ดีมาก
6. ธุรกิจร้านอาหาร ทำผลงานได้ดี และจะเริ่มคุ้มทุนในปี 2567
7. การจ่ายภาษี เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
8. การปล่อยน้ำเสียในญี่ปุ่น จะไม่กระทบธุรกิจสาหร่ายที่เกาหลีใต้
ฝ่ายวิจัย มีมุมมองว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 TKN ยอดขายจะเติบโตราวๆ 11.4% และกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น ถึงแม้ต้นทุนสาหร่ายจะเพิ่มขึ้นราวๆ 10%
แต่เนื่องจาก TKN ได้ปรับต้นทุนลงไปในสินค้า ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบ
ฝ่ายวิจัย มองว่า ครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวสได้อย่างโดดเด่น เสริมด้วยธุรกิจประเภทอื่นๆที่เติบโตได้ดี
และที่สำคัญที่สุด คือ มูลค่าหุ้น TKN ไม่แพง
ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย