#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

สำรวจบทวิเคราะห์ JMT 2 มุมมองที่แตกต่าง โอกาสหรือความเสี่ยง ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,244 views

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหุ้นหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด คือ JMT หรือบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) 
ทำธุรกิจหลัก คือ บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

 

ส่วนหนึ่งมาจากการ Spin off มาจากหุ้น JMART ที่ราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างมาก
ทำให้ JMT ปรับตัวขึ้นตามหุ้นแม่
แต่ช่วยหลายเดือนมานี้ ถ้าใครติดตามหุ้น JMT จะพบว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมากว่า 52% เข้าไปแล้ว 
สาเหตุหลักๆมาจาก นักลงทุนเชื่อว่า JMT กำลังมีการเติบโตที่ลดลง ...

 

แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ 
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง วิเคราะห์ว่าแนวโน้มการเติบโตในปี 2566 จะช้าลงกว่าในอดีต
กำไรทั้งปี 2566 ของ JMT น่าจะอยู่ราวๆ 2.1 พันล้านบาท เติบโต 20% YoY 
ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราการเติบโตที่ดี แต่ปัญหาคือนักลงทุนคาดหวังมากกว่านั้น 
โดยตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปี 2565 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 37% 
ซึ่งการเติบโตเพียง 20% YoY ถือว่าช้ากว่าในอดีตอยู่พอสมควร 
 

ไตรมาส 2/66 ที่จะถึงนี้ ฝ่ายวิจัย มองว่ากำไรสุทธิจะอยู๋ที่ 523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY และ 15% QoQ จากการเก็บเงินสดที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของหนี้ภายใต้การบริหาร และส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมจาก JK AMC 
 

ส่วนไตรมาส 3/66 ฝ่ายวิจัย มองว่ากำไรสุทธิจะอยู๋ที่ 540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 3% QoQ จากการเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งจากบริษัทร่วม JK AMC คล้ายๆ Q2


ส่วนไตรมาส 4/66 จะได้ผลบวกจากหนี้ในไตรมาส 2 ที่ซื้อมามูลค่า 6 หมื่นล้านบาท

พูดง่ายๆ คือ JMT มีการเติบโตที่ดี แต่ไม่เร็วเท่าปีก่อนหน้า
ส่งผลให้มูลค่าหุ้นค่อนข้างตึงตัว นั่นเอง ...

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราสำรวจบทวิเคราะห์ จะพบว่ามีข้อแตกต่างอยู่เหมือนกัน
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่าราคาหุ้น JMT จะ Outperform ตลาดได้จาก 3 ปั้จจัยด้วยกัน คือ 
1. ปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 ที่จะเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY 
2. กำไรในครึ่งปีหลัง ดูดีและมีแนวโน้มสดใส
3. ราคาหุ้น JMT ปรับตัวลดลงมาก สะท้อนความกังวลต่างๆไปมากพอสมควรแล้ว

 

ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่า กำไรสุทธิของปี 2566 น่าจะอยู่ราวๆ 2.5 พันล้านบาท 
โดยเฉพาะปัจจัยหนุนจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง จาก 3 เหตุผลด้วยกันคือ
1. สภาวะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นตัว 
2. พอร์ตลูกหนี้ 6 หมื่นล้านที่ซื้อมาเพิ่มช่วงไตรมาส 2 จะเห็นผลตั้งแต่ไตรมาส 3 ในปีเดียวกัน
3. การซื้อพอร์ตลูกหนี้เพิ่มอีกในช่วงครึ่งปีหลัง 
อีกทั้งช่วงครึ่งหลัง ผลประกอบการของ JMT มีแนวโน้มดูดีกว่าครึ่งปีแรกในอดีตที่ผ่านมา


ถือเป็นมุมมอง 2 แห่งที่มีความแตกต่างกัน
แห่งหนึ่งมองว่า การเติบโตช้าลงกว่าเดิม ราคาหุ้นจึงลดลง
อีกแห่งหนึ่งมองว่า ราคาหุ้นลดลง รับความเสี่ยงไปมากแล้ว ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาส Outperform ได้ในระยะถัดไป

จะเลือกเชื่อใคร อยู่ที่ตัวนักลงทุนเองแล้วครับ ...


------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง

สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน  : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง