ถือเป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างมากสำหรับผู้ถือหุ้น JMT
เมื่อไม่นานมานี้ JMT เปิดเผยว่าได้ลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพประเภทหนี้ไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหารมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท จากธนาคารพาณิชย์
ทำให้หนี้ที่บริหารทั้งหมด เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4 แสนล้านบาท (JMT และ JK AMC)
ผู้บริหาร JMT กล่าวว่า ...
นับเป็นการเดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัท สนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 440,000 ล้านบาท (รวม JK AMC) และมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งในการซื้อหนี้เข้ามาบริหารของบริษัท สนับสนุนภาพรวมกำไรเติบโตเข้าเป้ามากกว่า 30% จากปีก่อน
ถ้าหากเทียบกับหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ที่ JMT เคยได้ลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของบริษัทในการซื้อหนี้ ซึ่งเป็นโอกาสของ JMT ที่จะมีหนี้ด้อยคุณภาพ เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีให้กับบริษัทต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ JMT ตั้งเป้าว่าในปี 2566 ตั้งเป้าซื้อหนี้ไว้ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท
ในขณะที่ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ใช้งบลงทุนไปแล้ว 1.39 พันล้านบาท
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2566 เดินหน้าซื้อหนี้ตามแผน พร้อมด้วยการจัดเก็บอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง
- รู้จัก PSP ผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์หล่อลื่นครบวงจรของไทย
- 3 วิธี ผลตอบแทนดีกว่าตลาด
- สรุปการเติบโต KISS ธุรกิจความงามและสุขภาพ ที่นักลงทุนต้องจับตา
คำถามคือ การตั้งเป้าไว้สูงมากของ JMT เมื่อไรที่เราจะได้เห็นผลตอบรับเชิงบวกในงบการเงิน
คำตอบ คือ น่าจะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง วิเคราะห์ว่า ปกติหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน จะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนในการจัดเตรียมข้อมุลลูกหนี้ และเริ่มรับรู้เป็นรายได้ ดังนั้นภาพจะเริ่มเห็นชัดใน 4Q66
พูดง่ายๆคือ ภาพระยะสั้นจะยังไม่เห็นผลบวกมากนัก
แต่จะเป็นภาพเชิงบวกในระยะยาว จากการได้หนี้มาบริหารเพิ่มขึ้น ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง