เวลาเราพูดถึงเรื่องของยานยนต์และเครื่องจักร
สิ่งที่นักลงทุนมักจะนึกถึง คือ เรื่องของพลังงานและการใช้น้ำมัน
แต่แท้ที่จริงแล้วหัวใจสำคัญหลัก คือ เรื่องของผลิตภัณฑ์หล่อลื่น
เพราะในอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เครื่องจักร ล้วนต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในการขับเคลื่อนกระบวนการต่างๆ
... ยิ่งประเทศในภูมิภาคอาเซียนของเรามีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่เป็นหัวใจหลัก จะยิ่งมีความต้องการใช้ที่มากขึ้นตามไปด้วย
และผู้พัฒนาและผลิตน้ำมันหล่อลื่นเบอร์ต้นๆของไทย ต้องมีชื่อของ PSP หรือ บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ อย่างแน่นอน

PSP ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 ในฐานะผู้นำเข้าและจำหน่าย น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer Oil) และพัฒนามาเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์หล่อลื่น แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิต ครอบคลุม 4 กลุ่มหลัก คือ 
1. ธุรกิจพัฒนาและผลิตน้ำมันหล่อลื่น จาระบี และผลิตภัณฑ์พิเศษ
2. ธุรกิจจัดจำหน่าย
3. ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์กระจายสินค้า การจัดการด้านโลจิสติกส์ ศูนย์กระจายน้ำมันเชื้อเพลิง
4. การลงทุนในธุรกิจอื่น เช่น WhatsEGG ภายใต้แพลตฟอร์ม EggsMall ซึ่งเป็น Marketplace สำหรับธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ (ถือหุ้น 30%)
โดยรายได้หลักของ PSP มาจาก ...
ธุรกิจพัฒนาและผลิต คิดเป็นสัดส่วน 73.48%
ธุรกิจเทรดดิ้ง คิดเป็นสัดส่วน 22.19% 
และธุรกิจบริหาร คิดเป็นสัดส่วน 4.33%

ที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ในปี 2563 บริษัทมีรายได้  7.56 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 387.3 ล้านบาท 
ในปี 2564 บริษัทมีรายได้ 10.78 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 547.6 ล้านบาท 
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้ 13.20 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 546.4 ล้านบาท
เรียกได้ว่ารายได้ และกำไรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญ คือ บริษัทกำลังจะเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเร็วๆนี้ โดยจะจัดจำหน่ายหุ้น IPO ไม่เกิน 350 ล้านหุ้น

• สรุปการเติบโต KISS ธุรกิจความงามและสุขภาพ ที่นักลงทุนต้องจับตา
• SET Index ทำไมต่างชาติขายหุ้นไทยออกไปแล้ว 1 แสนล้านบาท
• สรุป OPEC+ การประชุมที่อาจจะทำให้ราคาน้ำมันกลับมาแพงขึ้น
   

คำถาม คือ แล้วต่อจากนี้ หลังเข้ามาระดมทุน IPO
การเติบโตของบริษัทอยู่ที่ตรงไหน ? 
คำตอบ น่าจะมาจาก 3 ส่วนหลักด้วยกัน คือ 
1. โครงการพัฒนาโรงงานผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ไลน์บรรจุภัณฑ์ 
2. Digital Transformation แบ่งออกเป็น 2 ระยะ
ระยะที่ 1 พัฒนาระบบการทำงานและเอกสารให้เป็นออนไลน์มากขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ระยะที่ 2 นำระบบ Automation เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 
3. เข้าลงทุนในบริษัทให้บริการกำจัดสารเคมีที่ใช้แล้วด้วยการกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท จะมีความชัดเจนราวๆ ไตรมาส 4 ของปี 2566 จนถึงไตรมาส 2 ของปี 2567

บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ หรือ PSP กำลังจะเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยเร็วๆนี้ 
และเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่นักลงทุนไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดครับ

------------------------------------------------------------------------------
Reference
ข้อมล Filling : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ลงทุนแมน 

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี