ดูเหมือนว่าวิกฤตหุ้น STARK ครั้งนี้จะมีความชัดเจน และความเสียหายก็ขยายไปยังวงกว้าง
และกลุ่มหุ้นที่น่าจะได้รับผลกระทบเต็มๆ คือ "กลุ่มแบงก์"
โดยเฉพาะ 3 แบงก์ใหญ่ BBL KBANK และ SCB
คำถาม คือ กลุ่มแบงก์กระทบมากแค่ไหน ?
ถ้าให้อธิบายแบบสั้นๆ คือ กระทบ แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานการณ์
แต่ถ้าจะให้อธิบายแบบยาวๆ อยากจะเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ
ประเด็นของ BBL คือบลจ.บัวหลวง เข้าถือหุ้น STARK จำนวนมาก
และทางบริษัทก็ได้แถลงไปแล้วว่ามีการขายหุ้นออกไปหมดแล้ว
คำถาม คือ กระทบกับผลประกอบการ BBL แค่ไหน ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่าไม่ได้มีผลกระทบต่องบการเงินของ BBL เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ บลจ.บัวหลวง รับบริหารจัดการ ไม่ใช่เป็นของบริษัท
พูดง่ายๆ คือ วิกฤต STARK ครั้งนี้ไม่กระทบต่องบ BBL เลย
ทำให้ความกังวลไปตกที่ KBANK และ SCB แทน ...
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส เผยว่าได้มีการจัดประชุมนักวิเคราะห์ พบว่าภาระหนี้ส่วนใหญ่อยู่กับ SCB และ KBANK
ซึ่งเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว รวมทั้ง SCB และ KBANK ได้มีการเปิดเผยการตั้งสำรองไปแล้ว
โดยสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตาม คือ ทั้ง 2 แบงก์จะมีการ Write - off ในไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้เลยไหม
ถ้าหากมีการ Write off แล้ว ตลาดน่าจะคลายกังวลไประดับหนึ่ง
โดยสรุป คือ BBL ไม่น่าจะถูกกระทบ
ในขณะที่ KBANK และ SCB ถูกกระทบเรื่องภาระหนี้ของ STARK
แต่ตลาดก็รับรู้ไปแล้วระดับหนึ่ง โดยหุ้น KBANK -15% YTD และ SCB -4% YTD
- เมื่อไร TRUE จะกำไร ? บริษัทที่นักลงทุนคาดหวังการกลับมากำไรมากที่สุด
- สรุปประเด็น SCGP ผลประกอบการของบริษัทกำลังจะ Turnaround
- GPSC ลงทุน AEPL รุกธุรกิจแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน
อย่างไรก็ตาม การจะบอกว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลง มาจากความกังวลเรื่อง STARK อย่างเดียวก็อาจจะไม่ถูกต้องสักเท่าไร
เพราะเราต้องไม่ลืมว่า ตลาดภาวะสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกผันผวนตลอดช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก
นักลงทุนจึงมีการปรับพอร์ต (Sector Rotation) อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
อนึ่ง SET Index ตั้งแต่ต้นปีมานี้ -10% เข้าไปแล้ว
ในขณะที่กลุ่มแบงก์ SETBANK -2% จึงถือว่า Outperform ตลาดอยู่พอสมควร
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส