ช่วงนี้กระแสหุ้นกลุ่มหนึ่งที่น่าจะโดดเด่น คือ หุ้นกลุ่มการบริโภคภายในประเทศที่มีแนวโน้มดูดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่คงไม่ใช่สำหรับ GLOBAL ที่ราคาหุ้นร่วงมากกว่ากลุ่ม
สาเหตุที่ราคาลดลง น่าจะเป็นเรื่องของผลประกอบการที่ออกมาได้อย่างน่าผิดหวัง
โดยผลประกอบการ 1Q66 ไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก
บริษัทมีกำไรสุทธิ 882 ล้านบาท ลดลง -24% YoY แต่เพิ่มขึ้น +67% QoQ
ในขณะที่รายได้บริษัท ทำได้ 9.1 พันล้านบาท ลดลง -7.15% YoY
พูดง่ายๆคือ รายได้ลด และกำไรก็ลดลงในภาพรวม
คำถาม คือ แล้วหลังจากนี้ GLOBAL ทำอย่างไรในวันที่ผลประกอบการไม่เติบโตเหมือนเดิม ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่า GLOBAL มีอยู่ 2 แนวทาง คือ
1. แผนคืบหน้าในการขยายธุรกิจเดิม
2. การรุกธุรกิจในต่างประเทศ
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหาร GLOBAL เปิดเผยในงาน Opp day. ไว้ว่า ราคาเหล็กน่าจะยังกดดันยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
แต่จะได้รับชดเชยบางส่วนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวนของจีน รวมถึงแรงหนุนจากค่าระวางเรือที่ลดลง ทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าถูกลง
สำหรับเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ คาดว่าน่าจะได้รับผลกระทบไม่มากเพราะได้รับแรงสนับสนุนจากค่าไฟที่ลดลง น่าจะกระทบราวๆ 0.1% ต่อยอดขาย
ทั้งนี้ GLOBAL จะเน้นไปที่ขายสินค้า house brand ของบริษัทที่ 25% ของยอดขายทั้งหมด (มาร์จิ้นดีกว่า) จากเดิมอยู่ที่ 24%
สำหรับการขยายธุรกิจเดิม
... บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ 7 แห่ง (เปิดไปแล้ว 2 แห่ง)
... ปรับปรุงสาขาเดิม 10 สาขาในปีนี้ และสาขาทั้งหมดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ซึ่งการปรับปรุงสาขาให้ทันสมัย น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ราวๆ 15%
โดยตั้งงบลงทุนราวๆ 3 พันล้านบาท
สำหรับธุรกิจต่างประเทศ
บริษัทวางแผนเปิดสาขาที่กัมพูชาและลาว อย่างละ 1 แห่ง
เปิดสาขาที่เมียนมาและอินโดนีเซีย อย่างละ 2 แห่ง
และเปิดสาขาแรกในฟิลิปปินส์ ช่วงไตรมาส 1 ปี 2567
ซึ่งการลงทุนต่างประเทศ ผู้บริหารมั่นใจว่าจะช่วยให้ผลประกอบการเติบโตได้
- สรุป GLOBAL ผลประกอบการลดลง เกิดจากอะไร ?
- เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น EA ราคาหุ้นที่ร่วงแรง น่ากังวลมากแค่ไหน ?
- สรุป BEM Growth Stock ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นภาพระยะยาว
คำถามคือ แล้วภาพระยะสั้น เร็วสุด คือ ไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ผลประกอบการน่าจะออกมาเป็นอย่างไร ?
คำตอบ คือ มีแนวโน้มลดลง ....
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่ายอดขายต่อสาขามีแนวโน้มลดลง (สอดคล้องกับมุมมองผู้บริหาร) รวมถึงราคาเหล็กที่ยังสูงจะกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท
คาดว่า ผลประกอบการปี 2566 น่าจะลดลงราวๆ 4.1% และอาจจะลากยาวไปถึงปี 2568 ก็มีความเป็นไปได้
ดังนั้น ผลประกอบการระยะสั้นของ GLOBAL อาจจะดูไม่เติบโตเท่าไรนัก
แต่ภาพระยะยาว การเปิดสาขาใหม่ ปรับปรุงสาขาเดิม รวมถึงการรุกต่างประเทศมีโอกาสที่จะให้ผลประกอบการของ GLOBAL กลับมาเติบโตได้
เพียงแต่ตอนนี้ ตลาดมองยังไม่ดีเท่าไร อาจจะต้องให้เวลาต่อไปอีกสักพัก ครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย