ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน แกว่งตัวลงมากกว่าขึ้น
หุ้นกลุ่มหนึ่งที่มักจะได้รับความนิยม และแข็งแกร่งกว่าตลาด คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า
แต่ปัจจุบันนี้อาจจะไม่ใช่แบบนั้น ภาพของตลาดเปลี่ยนไป
กลับกลายเป็นว่า หุ้นโรงไฟฟ้ากลับอ่อนแอกว่าตลาดอย่างมาก
โดยเฉพาะ EGCO หรือ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ที่ราคาหุ้นช่วง 1 ปีมานี้ปรับตัวลดลงกว่า 20%
ถ้ามองยาวกกว่านั้น จะพบว่า ปรับตัวลดลง "กว่าครึ่ง" ภายใน 5 ปี
คำถาม คือ เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น EGCO ?
คำตอบ น่าจะมาจาก 2 เหตุผลด้วยกันคือ
1. ผลประกอกการที่ลดลงต่อเนื่อง
ปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 13.05 พันล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.73 พันล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.10 พันล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.68 พันล้านบาท
.
และไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.02 พันล้านบาท
ลดลงกว่า 51% จากไตรมาส 1 ปี 2565 ที่บริษัททำได้ 4.11 พันล้านบาท
2. ผลประกอบการ 1Q66 แย่กว่าที่ตลาดคิดเอาไว้มาก
สาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น EGCO คือผลประกอบการ 1Q66 ที่แย่กว่าที่ตลาดคาดเอาไว้มากๆ
ซึ่งที่เราเห็น คือกำไรสุทธิ 2.02 พันล้านบาท มีกำไรพิเศษอยู่ในนั้นด้วย ถ้าหักออกไปจะมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจหลักอยู่ที่ 1.53 พันล้านบาท
1. โรงไฟฟ้าบางแห่งมีผลการดำเนินงานอ่อนแอ บางแห่นมีผลการดำเนินงานดีขึ้น
โรงไฟฟ้าที่อ่อนแอ เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำที่เป็น Low Season , โรงไฟฟ้า Paju, โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ที่สิทธิ์ Adder หมดอายุ
2. มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหลายแห่ง เช่น BLCP
3. ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง
4. ต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
- นโยบายก้าวไกล อาจจะกระทบกับกลุ่มสื่อสารน้อยกว่าที่คิดเอาไว้
- TRUE กับความคาดหวัง Synergy ที่นักลงทุนยังมองไม่เห็น ?
- สรุปประเด็น JMART ในวันที่บริษัทลูกกำลังกดดันผลประกอบการ
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ว่าผลประกอบการล่าสุดค่อนข้างน่าผิดหวัง และผิดหวังเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ 4Q65 และยังไม่เห็นปัจจัยว่า EGCO จะกลับมาเติบโตได้
โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่ adder หมดอายุแล้ว ...
มองว่า EGCO คือหุ้น Value Play ที่ให้อัตราผลตอบแทนกลางๆ และมีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส มองว่ามีโรงไฟฟ้าที่ผลประกอบการดีขึ้น และโรงไฟฟ้าที่ผลประกอบการลดลง
เมื่อทั้งสองกลุ่มมาหักล้าง ทำให้ผลประกอบการของ EGCO ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น ...
ก้าวต่อไปของ EGCO คือ ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้
ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่า น่าจะออกมาดูดีกว่าไตรมาส 1 เพราะเป็นช่วง High Season ของการขายไฟฟ้า
ถือเป็นความท้าทายของ EGCO ในเรื่องของธุรกิจไฟฟ้า
เมื่อโรงไฟฟ้ามีความหลากหลาย ไม่ได้หมายความว่าอาจจะดีเสมอไป
เพราะโรงไฟฟ้าที่ผลประกอบการดี ก็ออกมาดูดี กำไรเติบโต
ในขณะที่โรงไฟฟ้าไหนผลประกอบการลดลง ก็จะลดไปอย่างน่าใจหาย
เมื่อทั้งสองกลุ่มมาหักลบและมองในภาพรวม ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทไม่ได้มีการเติบโตมากนัก
นักลงทุนบางส่วนคิดว่าโรงไฟฟ้ามองแนวโน้มได้ยาก จึงชิงเทขายหุ้นไปก่อน
ราคาหุ้น EGCO เลยปรับตัวลดลงกว่า -20% ภายใน 1 ปี
ยิ่งไปกว่านั้น การเข้ามาของรัฐบาลชุดใหม่
ดูจะไม่เป็นมิตรต่อธุรกิจไฟฟ้าสักเท่าไรนัก
ถือเป็นความท้าทายที่ไม่ใช่ EGCO อย่างเดียว แต่เป็นทั้งกลุ่มที่ยังต้องเจอกันต่อไปครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย