เปิดตัวไปได้อย่างประทับใจสำหรับ MGC หรือ บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)
ที่เข้าทำการซื้อขายวันแรก จากราคา IPO ที่ 7.95 บาท พุ่งปิดตลาดไปที่ 8.90 บาท
MGC เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน SET ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดยานยนต์
โดยระดมทุนจากการขาย IPO มูลค่าประมาณ 2,226 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 8,904 ล้านบาท
บริษัทดำเนินธุรกิจโดยการถือ ถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ครบวงจรตั้งแต่การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถหรูอย่าง BMW, MINI และ Rolls-Royc
ตํานานอเมริกันไบค์ อย่าง HARLEY-DAVIDSON
นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอชท์ แบรนด์ Azimut เรือแม่น้ํา Chris Craft
รวมถึงมีบริการซ่อมรถยนต์บริการหลังการขาย
ตัวแทนซ่อมตัวถังและสีของรถ TESLA
และยังมีธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและลูกค้าบริษัท
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเรียกได้ว่าน่าสนใจแล้ว ...
แต่ที่น่าสนใจมากกว่า คือ การเข้าไปร่วมลงทุนในบริษัทร่วม 2 บริษัท คือ
1. ธุรกิจนายหน้าประกัน (MGC ถือหุ้น 38.3%)
2. ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อลีซซิ่ง และ Refinance ในชื่อ Alpha X โดย MGC ถือหุ้นอยู่ 49.99% ส่วนที่เหลือถือโดย SCBX
ธุรกิจ Alpha X ในปี 2565 ทำให้ MGC รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนราวๆ 16 ล้านบาท
แต่ในปี 2564 บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 25 ล้านบาท อาจจะด้วยเรื่องของ Alpha X เริ่มดำเนินธุรกิจได้ไม่นานอาจจะต้องขาดทุนในช่วงแรก
แต่เชื่อว่า Alpha X มีศักยภาพในการเติบโตสูง อีกทั้งการ IPO ครั้งนี้ จะมีเงินอีกราวๆ 500 ล้านบาทถูกนำไปเพิ่มเป็นฐานทุนให้กับ Alpha X เพื่อรองรับการเติบโตทางด้านสินเชื่อ
คำถามที่น่าสนใจ คือ หลังจา MGC เข้าตลาดแล้ว
การเติบโตอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ได้ 3 ประเด็นด้วยกัน คือ
ประเด็นแรก การเติบโตจากยอดขายเพิ่ม 5% YoY
การเติบโตยอดขายรถในไทยเติบโตอย่างมั่นคงที่ราวๆ 5%
และยังมีอานิสงค์จากรถไฟฟ้าที่อาจจะช่วยเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้น
อีกทั้ง MGV ยังมีธุรกิจเช่ารถ ซึ่งมี Margin สูงกว่าจัดจำหน่ายรถยนต์ ทำให้ธุรกิจตรงนี้น่าจะได้รับอานิสงค์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น
- รู้จัก MGC ธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ Lifestyle Mobility Ecosystem
- นักลงทุนกำลังจะเห็น SCGP ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
- รู้จัก GABLE "จีเอเบิล" หุ้นไทยสายเทคฯ ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม
ประเด็นที่สอง การเติบโตของธุรกิจ Alpha X
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส มองว่าธุรกิจ Alpha X จะ Turn Around กลับมาเป็นกำไร (แต่ไม่มาก) ตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ
ประเด็นที่สาม ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนเพียงบริษัทเดียวที่มีฐานธุรกิจยานยนต์ครบวงทั้ง Ecosystem
และยังกระจายตัวไปยังธุรกิจการเงิน ประกัน และการให้สินเชื่อ
จาก 3 ประเด็นที่กล่าวมา ...
ฝ่ายวิจัยคาดว่า กำไรปี 2566 จะอยู่ที่ 712 ล้านบาท เติบโต 18% YoY
ในปี 2567 จะอยู่ที่ 829 ล้านบาท
ในปี 2568 จะอยู่ที่ 917 ล้านบาท
ซึ่งคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 2566 - 2568 จะอยู่ที่ 15% ต่อปี ...
โดยสรุปแล้ว บทวิเคราะห์มองว่า MGC มีแนวโน้มเติบโตของกำไรในอีก 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี และถือเป็นผู้เล่นที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งยอดขายรถที่เพิ่มขึ้น และบริการหลังการขายที่มากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้ส่วนแบ่งกำไรจากนายหน้าประกัน EV Car ที่กำลังได้รับความนิยมในไทย และ New S-Curve อย่าง Alpha X หนุนการเติบโตต่อไป
ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส