ถ้าใครสังเกตช่วงนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้คนเริ่มมีกิจกรรมด้านการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ กันมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว หรือการเดินทางไปทำงาน
ซึ่งถ้าดูตามท้องถนน เราก็จะพบว่า มี "รถหรู" วิ่งอยู่บนถนนกันมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Rolls-Royce และ BMW
ทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจว่า บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ด้านการเดินทาง รวมถึงผู้จัดจำหน่ายรถหรูเหล่านี้ในประเทศไทย คือใคร ?
คำตอบ คือ บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA นั่นเอง ซึ่งบริษัทฯ ทำธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem ที่มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางอย่างครบวงจร ผ่านธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ โดยเป็นผู้นำเข้า และ/หรือผู้จำหน่ายรถหรูหลากหลายแบรนด์ ได้แก่ Rolls-Royce, BMW, MINI ,Honda และบิ๊กไบค์แบรนด์ BMW Motorrad และ Harley-Davidson และยังเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย เรือยอชท์แบรนด์ Azimut รายเดียวในประเทศไทย และเรือแม่น้ำแบรนด์ Chris-Craft รายเดียวในประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีธุรกิจจัดหาลูกค้าที่สนใจเช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวยี่ห้อ VistaJet และธุรกิจจำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบินระดับแนวหน้าอีกด้วย
และที่สำคัญ บริษัทฯ กำลังจะเข้ามา IPO ในตลาดหุ้นไทยเร็ว ๆ นี้ ...
MGC-ASIA มีจุดเริ่มต้นมาจากครอบครัวธรรมชวนวิริยะ ที่เปิดดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ BMW และ MINI และได้มีการขยายกิจการมาอย่างต่อเนื่อง
ผ่านมามากกว่า 20 ปี มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกจำนวนมาก
ปัจจุบัน MGC-ASIA มีธุรกิจที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การเดินทางที่หลากหลายและครบวงจร ประกอบไปด้วย
1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์
เป็นผู้นำเข้า และ/หรือผู้จำหน่ายรถยนต์ Rolls-Royce, BMW, MINI และ Honda บิ๊กไบค์ BMW Motorrad และ Harley-Davidson จำหน่ายรถยนต์มือสองพร้อมการรับประกัน รวมถึงเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอชท์สัญชาติอิตาเลียน Azimut ในไทย และเรือแม่น้ำสัญชาติอเมริกัน Chris-Craft ที่ได้รับสิทธิ์ในการดูแลตลาดทั้งไทยและอาเซียน นอกจากนี้ ยังมีบริการจัดหาลูกค้าสำหรับธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว VistaJet และเป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบินชั้นนำ
2. กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ
ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำแก่บริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน MGC-ASIA มีศูนย์บริการและศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระภายใต้ MMS Bosch Car Service ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ 21 สาขา และมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมในอนาคต เป็น 35 สาขา ภายในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของการบริการ มีการอบรมพนักงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่กำลังเป็น กระแสอยู่ในขณะนี้
3. กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และพนักงานขับ
มีบริการเช่ารถยนต์ระยะสั้นภายใต้แบรนด์ระดับโลก "SIXT Rent a Car" เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และบริการเช่ารถยนต์ระยะยาว (Master Car Rental) ที่เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ รวมถึงให้บริการพนักงานขับ (Master Driver & Services)
นอกจากนี้ MGC-ASIA ยังได้ขยายการบริการให้ครอบคลุม เพื่อสร้าง MGC-ASIA Ecosystem อย่างครบวงจร ผ่านบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ศูนย์ฝึกอบรมและอื่น ๆ รวมถึงบริการทางการเงินไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจเช่าซื้อ
ลีสซิ่ง และให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์หรูและมารีน ภายใต้บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงธุรกิจนายหน้าประกันภัย ภายใต้บริษัท Howden Maxi ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับ บริษัท ฮาวเด้น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
5 จุดเด่นทางธุรกิจ ของ MGC-ASIA
1. ดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ภายใต้ระบบนิเวศทางธุรกิจ MGC-ASIA Ecosystem ที่แข็งแกร่ง
มีธุรกิจและการบริการครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทาง มีโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น (Up-selling) และการนำเสนอสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกัน (Cross-selling)
2. กลุ่มลูกค้าชัดเจนและมีตำแหน่งทางการตลาดที่โดดเด่น
ลูกค้าหลักของ MGC-ASIA คือ กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งบริษัทฯ มีการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ Data Analytic เพื่อพัฒนาด้านการบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์และทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ BMW, MINI และบิ๊กไบค์ BMW Motorrad อันดับ 1 ของประเทศไทย และเป็นตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ Honda อันดับ 2 ของประเทศไทย ในปี 2565
3. มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า และพันธมิตรระดับโลก
MGC-ASIA มีทีมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างยาวนาน มีเทคโนโลยีในการให้บริการที่ได้มาตรฐาน มีความทันสมัย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างหลากหลายและทันท่วงที ส่งผลให้ MGC-ASIA ได้รับการยอมรับจากแบรนด์ระดับโลก และได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาโดยตลอด
4. โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
MGC-ASIA มีความพร้อมที่จะให้บริการแก่ลูกค้าด้วยเครือข่ายศูนย์จัดจำหน่ายและศูนย์บริการ รวมทั้งสิ้น 49 สาขา ซึ่งครอบคลุมและตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังถือเป็นผู้ให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ MMS Bosch Car Service และมีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ให้บริการที่สำคัญทั่วประเทศ โดยมีคุณภาพในการให้บริการที่ได้มาตรฐาน และตรงตามความต้องการของลูกค้า
5. ทีมผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ และมากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์
คณะผู้บริหารมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการประกอบธุรกิจมายาวนานและต่อเนื่องกว่า 23 ปี สามารถนำกลุ่มบริษัทฯ ผ่านวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างมั่นคง ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง และความโปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล บริหารธุรกิจอย่างมีวิสัยทัศน์ ทำให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจได้ว่าบริษัทฯ จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ผลประกอบการของ MGC-ASIA ที่ผ่านมา พบว่า ...
ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้ 20,275.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 188.8 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้ 21,350.3 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 295.5 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้ 23,076.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 595.6 ล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจในปี 2565 แบ่งออกเป็น ...
1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ สัดส่วนรายได้ 78.7%
2. กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ สัดส่วนรายได้ 14.8%
3. กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และคนขับ สัดส่วนรายได้ 5.9%
4. กลุ่มธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่น ๆ สัดส่วนรายได้ 0.2%
อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนจะมีข้อสงสัยในใจว่า การเข้ามาของรถไฟฟ้า (EV) จะเป็นการ "ดิสรัป" ธุรกิจของบริษัทไหม ?
คำตอบ คือ ไม่ใช่
เพราะ MGC เป็นกลุ่มบริษัทฯ ที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการบริการหลังการขายและซ่อมบำรุงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมีทีมบุคลากร ที่มีความชำนาญ ความรู้เชิงลึก และมีความเชี่ยวชาญ รวมถึงบริษัทฯ ได้ลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมในโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการจำหน่ายและให้บริการหลังการขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ดังนั้น ไม่ใช่แค่การเติบโตจากธุรกิจเดิมเพียงอย่างเดียว แต่กระแสการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะช่วยเสริมให้บริษัทฯ มีการเติบโตก้าวต่อไป ที่นักลงทุนต้องจับตาเป็นอย่างมากครับ …