เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีทั้ง 3 ตลาด คือ WTI, Brent และ Dubai
โดยปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 6% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ที่มา : investing.com

ทำให้เกิดข้อสงสัยที่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับตลาดน้ำมัน ถึงปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง ? 
คำตอบ น่าจะเกิดจาก 3 ประเด็นด้วยกันคือ
1. ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน ที่ยังไม่จบและยืดเยื้ออยู่ตอ่ไป
2. ปัญหาการเมืองในตะวันออกกลาง โดยอิรักได้ระงับการส่งออกน้ำมัน 4.5 แสนบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นสัดส่วน 0.5% ของ Supply ในตลาดโลกทั้งหมด

โดยเฉพาะประเด็นที่ 3 ที่สำคัญมากที่สุด คือ 
การปรับลดกำลังการผลิตจากกลุ่ม OPEC+ เพิ่มอีก 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่จะถึงเป็นต้นไป
นี้ไม่ใช่ครั้งแรก ...
เพราะก่อนหน้านี้ทาง  OPEC+ ได้มีการปรับลดกำลังการผลิต 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มลดลงมากถึง 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน 
หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก …
โดยทางกลุ่มให้เหตุผลว่าเป็นการปรับลดเพื่อรักษาเสถียรภาพของน้ำมัน 
อีกทั้ง การที่จีนเปิดประเทศ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 
ทำให้สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด เป็น Sentiment เชิงบวกต่อราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น

• ปัจจัยบวกของ PTTEP ที่จะช่วยเพิ่มการเติบโตในอนาคต
• รู้จัก Dexon บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบชั้นนำระดับโลก
• Short Against Port กลยุทธ์ที่คนติดดอยและไม่อยากตัดขาดทุนควรทำ

คำถาม คือ ประเด็นเรื่องของราคาน้ำมันที่พุ่งสูง จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อตลาดหุ้นไทย ? 
คำตอบ น่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นกลุ่มพลังงานก็มีอิทธิพลมากต่อการเคลื่อนไหวของ SET Index ดังนั้นน่าจะแกว่งตัวไปในทิศทางขาขึ้น

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส มองว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2566 น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 90 เหรียญต่อบาร์เรล และจะเหลือ 75 เหรียญต่อบาร์เรลในกรณี base case 
และการที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นหรือลดลง จะส่งผลต่อกำไรของ PTTEP โดยตรง เช่น

ที่มา : บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

ในกรณี base case คือราคาน้ำมันอยู่ที่ 90 เหรียญ กำไรของ PTTEP น่าจะอยู่ราวๆ 6.07 หมื่นล้านบาท
ถ้าราคาน้ำมันอยู่ที่ 95 เหรียญ กำไรของ PTTEP น่าจะอยู่ราวๆ 6.46 หมื่นล้านบาท
ถ้าราคาน้ำมันอยู่ที่ 100 เหรียญ กำไรของ PTTEP น่าจะอยู่ราวๆ 6.85 หมื่นล้านบาท

โดยสรุปแล้ว สาเหตุหลักที่ราคาน้ำมันโลกบวกแรงน่าจะมาจากเรื่องของการลดกำลังการผลิตน้ำมัน รวมกว่า 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นการบอกความต้องการของกลุ่มว่าทาง OPEC+ จะไม่ยอมให้ราคาน้ำมันลดต่ำลงกว่านี้อีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญ คือ จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยโดยภาพรวมด้วย
เพราะเราต้องไม่ลืมว่า ตลาดหุ้นไทยถูกถ่วงน้ำหนักโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "PTTEP"

------------------------------------------------------------------------------
Reference
Reuters

BBC

CNN

TheGuardian

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส