#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#มือใหม่เริ่มลงทุน

SNNP ขนมขบเคี้ยว 2 หมื่นล้าน

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,502 views

ต้องยอมรับว่าตลาดขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่้มบ้านเรามีความหลากหลายอย่างมาก
รวมถึงผู้ผลิต ก็มีมากหน้าหลายตา
แต่ถ้าพูดถึง ผู้ผลิตเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่เป็นเบอร์ 1 และผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่น คงจะหนีไม่พ้น SNNP หรือบริษัทบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)

SNNP เป็นผู้ผลิตสินค้าเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ที่มีแบรนด์หลากหลาย
แต่แบรนด์ที่เป็นเบอร์ต้นๆของประเทศ และคนไทยน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ เครื่องดื่มเยลลี่ "เจเล่" และขนมขบเคี้ยวจากปลาหมึก "เบนโตะ"  นอกจากนี้ยังมี ..
เมจิกฟาร์ม ... เครื่องดื่มน้ำมะพร้าว น้ำเฉาก๊วย
น้ำดื่มวิตามิน "อควาวิตซ์"
ขนมขาไก่ปรุงรส "โลตัส" 
ขนมคุกกี้สับปะรด เบเกอรี่เฮาส์ , แครกเกอร์หลากหลายรถชาติ "ดอกบัว" , ขนมเวเฟอร์ช๊อคกี้

 

โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัท แยกตามสินค้าประเภท แบ่งออกเป็น
1. ขนมเบนโตะ สัดส่วนรายได้ 33.5%
2. เครื่องดื่มเยลลี่เจเล่ สัดส่วนรายได้ 34.5%
3. ขนมแบรนด์อื่มๆ 22.7%
4. เครื่องดื่มแบรนด์อื่นๆ 9.3%
แต่ถ้าแบ่งตามประเทศและภูมิภาค จะแบ่งออกเป็น
1. ประเทศไทย สัดส่วนรายได้ 72.8%
2. ประเทศในกลุ่ม CLMV สัดส่วน 19.8%
3. ประเทศอื่นๆ สัดส่วน 7.3% 
พูดง่ายๆคือ SNNP มีสัดส่วนรายได้ที่มาจากต่างประเทศ อยู่ที่ 27% จากเมื่อก่อนที่อยู่ราวๆ 21%

 

ผลประกอบการของ SNNP ที่ผ่านมา 
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 4.43 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 93.82 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 4.39 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 437.17 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 5.60 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 515.72 ล้านบาท
โดยบริษัทมี Net Margin สูงถึง 10% และผลประกอบการก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด

 

คำถาม คือ ความน่าสนใจของ SNNP อยู่ตรงไหน
อยากจะเล่า 4 ประเด็นให้ฟังแบบสั้นๆ แบบนี้ครับ ... 
1. บริษัทมีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จทั้งเจเล่ และเบนโตะ
ต้องยอมรับว่าตลาดเครื่องดื่มเยลลี่ และขนมขบเคี้ยวที่เป็นปลาหมึก มีคู่แข่งไม่มาก และมีการเติบโตที่พอใช้
โดย ตลาดเครื่องดื่มเยลลี่ เติบโตเฉลี่ยในอีก 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 10%
และขนมขบเคี้ยวที่เป็นปลาหมึก เติบโตเฉลี่ย 8% 
ซึ่ง SNNP เป็นผู้นำทั้งสองตลาด (เจเล่และเบนโตะ ครองส่วนแบ่ง 74%) จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเติบโตของตลาดและคู่แข่งที่ยังน้อย 
นอกจากนี้ แบรนด์ที่มาแรง คือ สินค้าขนมขึ้นรูป "โลตัส" มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 25% เป็นรองแค่ขนมกูลิโกะ ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 50% จึงมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก

 

2. ตลาด CLMV ยังเติบโตได้อีกมาก 
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส คาดว่า SNNP เติบโตในตลาด CLMV ตั้งแต่ปี 2561 - 2565 เฉลี่ยสูงถึง 20% ซึ่งถือว่าสูงมาก
และในอนาคต จะโดดเด่นจากตลาดกัมพูชาและเวียดนาม
โดยเฉพาะเวียดนามที่มีประชากรวัยทำงานและมีกำลังซื้อสูงถึง 104 ล้านคน จึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เทียบกับไทยที่มีประชากร 70 ล้านคน และกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย

 

 

3. ผลประกอบการของบริษัทเติบโตสูง 
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรเติบโตเฉลี่ย 11% ถึงแม้จะเป็นปีโควิดก็ยังทำผลงานได้ดี 
ไม่เพียงแค่นั้น อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทก็ขยับสูงขึ้นอีกด้วย
ในปี 2560 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25%
แต่ในปี 2565 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นูงถึง 27.3% 
จากการออกไลน์สินค้าใหม่ ปรับรสชาติใหม่ บวกกับการตั้งโรงงานผลิตในกัมพุชาและเวียดนาม ช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งลงไปได้

 

4. บริษัทมีงบดุลแข็งแกร่ง
ในปี 2564 บริษัทมีสินทรัพย์ 4.15 พันล้านบาท หนี้สินรวม 1.06 พันล้านบาท ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.83 พันล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทมีสินทรัพย์ 5.06 พันล้านบาท หนี้สินรวม 1.76 พันล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3.04 พันล้านบาท
เป็นบริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ราวๆ 0.53 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก
อีกทั้งบริษัทยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง 
Dividend Yield อยู่ราวๆ 2.6% -3.1%

 

ปัจจุบัน SNNP ซื้อขายกันที่ P/E 41 เท่า และ P/BV 7 เท่า ....
ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่นักลงทุนต้องจับตาเป็นอย่างมากครับ

------------------------------------------------------------------------------
Reference
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์

งบการเงิน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

Brand Inside

THE STANDARD WEALTH

ทันหุ้น

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง