#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

MEB หุ้น IPO ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,938 views

ทำไมธุรกิจไทยถึงไม่ค่อยเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม หรือสร้างเครือข่ายอะไรสักอย่างในโลกออนไลน์ให้คนเข้ามาใช้บริการ ?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้ามาระดมทุนให้นักลงทุนรายย่อยได้เป็นเจ้าของ
ตอนนี้ สิ่งที่เคยพูดกัน ได้กลายมาเป็นความจริงแล้ว และไม่แปลกใจเลยที่กำลังเป็นที่พูดถึงของสื่อ Social Media ด้วยการเข้ามาของหุ้น MEB หรือ บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

MEB เป็นผู้นำในการให้บริการจำหน่าย E-book เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีผู้ใช้บริการรวมกันกว่า 8 ล้านราย พร้อมการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าในประเทศไทย meb ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำแถวหน้าของประเทศไปแล้วเรียบร้อย
สรุปสั้นๆถึงความน่าสนใจของหุ้น meb คือ  รายได้โต กำไรโต และเป็นธุรกิจที่ไร้หนี้ !! 
ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก
แต่ก่อนที่หุ้นเข้ามาเทรด สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้ประกอบไปด้วย 4 ข้อด้วยกัน คือ

 

1. บริษัททำธุรกิจอะไร 
ผู้จัดจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) หนังสือเสียง (Audio Book) อุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) รวมถึงการบริการที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบัน บริษัทมีแพลตฟอร์มออนไลน์อยู่ 2 แพลตฟอร์มซึ่งมีความแตกต่างกัน คือ
...  แพลตฟอร์ม meb จำหน่ายวรรณกรรมออนไลน์ที่มีความหลากหลายจากสำนักพิมพ์และเจ้าของผลงานอิสระ
...  แพลตฟอร์ม readAwrite เป็นแพลตฟอร์มสำหรับชุมชนนักเขียน-นักอ่าน โดยให้สมาชิกสามารถโพสต์คอนเทนต์หรือเนื้อหาได้ด้วยตัวเอง โดยเจ้าของผลงานสามารถจำหน่ายผลงาน หรือเลือกให้นักอ่าน Donate ให้เพื่อเป็นการสนับสนุน

รวมถึงธุรกิจใหม่ "Hytexts" ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader) ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ www.hytexts.com ร้านค้าและช่องทางออนไลน์ของ บริษัท บีทูเอส จำกัด (“B2S”) 
โดยบริษัทจะมีหุ้นที่เสนอขายจำนวนรวมไม่เกิน 75,500,000 หุ้น 
ราคา IPO ที่ 28.50 บาทต่อหุ้น ที่พาร์ 0.5 บาทต่อหุ้น 
มูลค่าตามบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 0.82 บาทต่อหุ้น
 

2. ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 618.72 ล้านบาท กำไรสุทธิ 82 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.01 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 162.74 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1.45 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 275.34 ล้านบาท
.
ปี 2564 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 1.03 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 195.30 ล้านบาท
ปี 2565 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 1.26 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 241.85 ล้านบาท

โดยสิ่งที่น่าสนใจ พบว่า บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 29.89% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 19.14% 
ที่สำคัญ คือ บริษัทมีหนี้สินต่อส่วนของผุ้ถือหุ้นอยู่ประมาณ 0.91% ซึ่งถือว่าน้อยพอสมควร

 

3. โครงสร้างรายได้
บริษัทมีรายได้หลักจาก 3 ส่วนด้วยกันคือ
1. ธุรกิจหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สัดส่วนรายได้ 92.16% โดยแบ่งออกเป็น
... นิยาย/วรรณกรรม 76.12%
... หมวดอื่นๆ 16.04%
2. แพลตฟอร์ม readAwrite สัดส่วนรายได้ 4.8%
3. อื่นๆ เช่นรายได้จาก E-Buffet หนังสือเสียง (Audio Book) และ E-Reader สัดส่วนรายได้ 3.04%


4. วัตถุประสงค์การใช้เงิน
บริษัทคาดว่าจะได้เงินหลังจากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ราวๆ 619.83 ล้านบาท และมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ 
1. เพื่อใช้สำหรับขยายธุรกิจแพลตฟอร์มปัจจุบัน ได้แก่ meb , readAwrite และ Hytexts โดยการเพิ่มเนื้อหาวรรณกรรมออนไลน์ การซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรมประเภทนิยาย และไม่ใช่นิยาย มาจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท ซึ่งจะใช้งบลงทุนประมาณ 320 ล้านบาท

2. เพื่อใช้สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงธุรกิจในต่างประเทศ การพัฒนาระบบ ค่าใช้จ่ายด้านสารสรเทศ จะใช้งบลงทุนประมาณ 230 ล้านบาท

3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ ใช้งบลงทุนประมาณ 69.83 ล้านบาท

 

 

คำถามสุดท้าย คือ การเสนอขายที่ราคา 28.50 บาทต่อหุ้น แพงไปแล้วหรือยัง ? 
จากข้อมูล Filling แสดงความคิดเห็นว่า การเสนอขายที่ราคา 28.50 บาทต่อหุ้น จะทำให้หุ้นมีค่า P/E อยู่ที่ 26.64 เท่า จากสมมุติฐานที่ EPS 1.07 บาทต่อหุ้น (ที่ราคาพาร์ 0.5 บาท) โดยมีการพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ตามปริมาณความต้องการของนักลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา

อีกทั้งยังมีการเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มจาก 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 
1. หุ้น GLORY ทำธุรกิจจำหน่ายวรรณกรรมออนไลน์ นิยาย การ์ตูนและหนังสือ ซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ MAI ในหมวดบริการ มีค่า P/E ratio ที่ 45.01 เท่า

2. หุ้น China Literature Limited (0772 HK) ทำธุรกิจแพลตฟอร์มวรรณกรรมออนไลน์ การ์ตูน ภาพเคลื่อนไหว สื่อดิจิทัล ซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีค่า P/E Ratio ที่ 26.49 เท่า

3. ดัชนีหลักทรัพย์ MAI มีค่า P/E Ratio ที่ 35.10 เท่า

ดังนั้น การที่ MEB  มีค่า P/E ที่ 26.64 เท่า ก็ต้องถือว่าอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่พอสมควรครับ
แต่การเปรียบเทียบเป็นปัจจัยจากการคำนวนในช่วงเวลาหนึ่ง และมีความแตกต่างกัน สิ่งที่นักลงทุนต้องทำคือพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการลงทุนด้วยตนเองครับ
อนึ่ง หุ้น MEB จะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 3, 6-7 กุมภาพันธ์ และคาดเข้าเทรดในตลาด mai ประมาณวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้
มารอลุ้นกันครับ

------------------------------------------------------------------------------
Reference
ข้อมล Filling : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย  [1]

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย [2]

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง