เวลาเราพูดถึงอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย สิ่งที่นักลงทุนคิด คือ เป็นธุรกิจที่ไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้เติบโตสูงมากแล้ว
แต่คงไม่ใช่กับบริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขาย และสร้างผลงานได้ดีแม้จะเกิดวิกฤตโควิดก็ยังเติบโตได้
เป้าหมายของบริษัท คือ การก้าวเข้าสู่อสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตแบบ High Growth อย่างต่อเนื่องในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
... ที่สำคัญคือ SVR กำลังจะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้แล้ว
มีประเด็น 4 ข้อที่นักลงทุนต้องรู้ คือ
1. บริษัททำธุรกิจอะไร รายละเอียดหุ้นแบบสรุป
บริษัททำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อจำหน่าย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์ ผลงานที่ผ่านมาของบริษัทมีอยู่หลายโครงการภายใต้แบรนด์ "สิวารมณ์"
โดยบริษัทจะมีหุ้นที่เสนอขายจำนวน 130 ล้านหุ้น
ราคา IPO ที่ 2.2 บาทต่อหุ้น ที่พาร์ 1 บาทต่อหุ้น
มูลค่าตามบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 1.21 บาทต่อหุ้น
2. ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 549.18 ล้านบาท กำไรสุทธิ 42.49 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 559.25 ล้านบาท กำไรสุทธิ 63.54ล้านบาท
.
ปี 2564 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 355.94 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.65 ล้านบาท
ปี 2565 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 531.39 ล้านบาท กำไรสุทธิ 35.99 ล้านบาท
พบว่าบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 33.6% และอัตรากำไรสุทธิสูงสุดที่ 11%
ที่สำคัญ SVR มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำมาก ที่ 0.87 เท่า
3. โครงสร้างรายได้
บริษัทมีโครงสร้างรายได้มาจาก 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 87%
2. รายได้จากการขายที่ดิน 12.73%
3. รายได้อื่นๆ เช่น ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 0.2%
อนึ่ง บริษัทเคยมีรายได้ในธุรกิจพรีแคสท์ แต่ในปี 2565 ไม่มีรายได้จากการขายพรีแคสท์ เพราะบริษัทได้จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท บีไบรท์ พรีแคสท์ จำกัด ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564
4. วัตถุประสงค์การใช้เงิน
บริษัทคาดว่าจะได้เงินหลังจากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ราวๆ 274.35 ล้านบาท และมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. เป็นเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจ 111 ล้านบาท
2. คืนเงินกู้ระยะสั้นแก่บุคคลอื่น และบริษัทสิวารมณ์ ไชน่า จำกัด 145 ล้านบาท
3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 18.35 ล้านบาท
คำถามสุดท้าย คือ การเสนอขายที่ราคา 2.2 บาทต่อหุ้น แพงไปแล้วหรือยัง ?
จากข้อมูล Filling แสดงความคิดเห็นว่า การเสนอขายที่ราคา 2.20 บาทต่อหุ้น จะทำให้หุ้นมีค่า P/E อยู่ที่ 10.38 เท่า จากสมมุติฐานที่ EPS 0.21 บาทต่อหุ้น
อีกทั้งยังมีการเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยพบว่า
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ใน SET จะมีค่าอยู่ระหว่าง 5.99 - 11.16 เท่า
ในขณะที่ใน MAI จะมีค่าอยู่ระหว่าง 8.76 - 15.03 เท่า
การที่ SVR มีค่า P/E ที่ 10.38 เท่า ก็ต้องถือว่าอยู่ในค่าเฉลี่ยที่สมเหตุสมผลครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
ข้อมล Filling : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย