ตามหลักสากลของหุ้นโดยทั่วไป คือ การถือหุ้นใหญ่ หรือถือหุ้นเกินกว่า 51% ก็มีอำนาจในการควบคุมบริษัท
แต่เคยมีสักครั้งไหม ที่การถือหุ้นส่วนน้อยก็สามารถควบคุมบริษัทได้
มันได้เกิดขึ้นแล้ว ในชื่อว่า "Golden Shares" ...
เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลจีนได้เข้าถือหุ้น Alibaba และ Tencent ผ่านกลไกที่เรียกว่า Golden Share
โดย หน่วยงานกำกับของจีน CAC ได้เข้าถือหุ้น % ใน Alibaba ผ่านกองทุนที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นมา รวมถึงบริษัท Tencent อีก 1%
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า รัฐบาลจีนมีสิทธิ์ในการกำหนดทิศทางของบริษัท ถึงแม้ว่าจะถือหุ้นส่วนน้อยก็ตาม
สื่อต่างชาติวิเคราะห์ว่า นี้คือสัญญาณในการจัดระเบียบบริษัทเทคโนโลยี "ได้สิ้นสุดลงแล้ว" ...
และประเด็นนี้ถือเป็นข่าวดีเพราะจะไม่กระทบกับตลาดหุ้น รวมถึง Tencent และ Alibaba จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องมากังวลงว่าจะโดนควบคุมหรือจ่ายค่าปรับมหาศาล
... คล้ายกับกรณีของ China Mobile ที่ทำให้ผลการดำเนินงานและการขยายธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่แตกต่างตรงที่ว่า China Mobile รัฐบาลจีนถือหุ้นโดยตรงกว่า 73%
พูดง่ายๆคือ นักลงทุนอาจจะไม่เห็นความรุนแรงในการจัดระเบียบอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้น ความกังวลตรงส่วนนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก ...
- Ant Group กำลังจะเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
- จีน กำลังทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมาก
- ทำไมหุ้นจีนถึงบวกแรง ?
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่า ...
เรื่องของ Golden Shares เป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนทำเป็นประเทศแรกใช่ไหม ?
คำตอบ คือ ไม่ใช่
เพราะเรื่องของ Golden Shares ได้ถูกใช้มาแล้วในหลายประเทศ เช่น ในประเทศอังกฤษ และบราซิล
ในประเทศอังกฤษ The British Airports Authority (BAA) ซึ่งเป็นเจ้าของสนามบิน 2 แห่งใน Heathrow และ Gatwick ได้กลายมาเป็นบริษัทมหาชนที่มีรัฐบาลอังกฤษถือหุ้น 1% และมีอำนาจในการควบคุมบริษัท (Golden Shares)
หรือแม้แต่ในบราซิล บริษัทที่มีชื่อว่า Embraer S.A ให้บริการท่าอาศยาน เครื่องบินทางการทหารรวมถึงอากาศยานเพื่อการเกษตร ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลบราซิล ก่อนที่จะขาย IPO เข้าตลาดหุ้นให้เป็นมหาชน แต่บริษัทก็ยังให้รัฐบาลถือหุ้น 1% (Golden Shares) เพื่อมีอำนาจในการควบคุมทิศทางของบริษัท
หรือหลายๆกรณีก็คล้ายคลึงกับ Golden Shares เช่นการแยกหุ้นออกเป็น "Class"
ตัวอย่างเช่น หุ้น Under Armour บริษัทผลิตรองเท้ากีฬาสัญชาติอเมริกา ที่แบ่งหุ้นออกเป็น 3 Class ประกอบไปด้วย Class A, Class B และ Class C
โดยที่ Class A 1 หุ้น = 1 โหวต
ในขณะที่ Class C ไม่มีสิทธิ์ในการโหวต
แต่ Class B เป็นหุ้นเฉพาะของผู้บริหารที่ 1 หุ้น = 10 เสียง
หมายความว่า ถ้าผู้บริหาร 1 คน ถือหุ้น Class B เพียง 15% เขาจะมีสิทธิ์ออกเสียงมากถึง 65% ของจำนวนเสียงทั้งหมด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ก็ตาม
------------------------------------------------------------------------------
Reference