เมื่อ 3 ปีที่แล้ว  Ant Group ซึ่งเป็นบริษัทการเงินในเครือของ Alibaba มีข่าวเรื่องของการระดมทุนทำ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ถูกทางการจีนสั่งห้ามทำให้ต้องมีการยกเลิก IPO ไป ด้วยหลายสาเหตุ เช่น การวิจารณ์รัฐบาลจีนของ Jack Ma หรือการปล่อยสินเชื่อที่มากเกินไป
แต่ประเด็นที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ การปล่อยสินเชื่อที่มากเกินไป ... 
ภาครัฐจีนต้องการให้ Ant Group ปรับโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับกฏใหม่ เช่น กำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำของบริษัทปล่อยสินเชื่อ การนำส่งข้อมูล Credit Risk ให้แก่ธนาคารกลางจีน (PBOC) เกณฑ์ขั้นต่ำของการปล่อยสินเชื่อ และห้ามผู้กู้นำเงินกู้ไปลงทุน

ตั้งแต่การระงับ IPO ของ Ant Group ก็ตามมาด้วยกฏเกณฑ์อย่างเข้มงวดของหลายอุตสาหกรรมเพื่อให้เป็นตามแผนการที่เรียกว่า Common Prosperity - เจริญรุ่งเรืองร่วมกัน 
แน่นอนว่านโยบายนี้ส่งผลต่อราคาหุ้น Alibaba อย่างมาก โดยราคาหุ้นร่วงจากระดับราคา 300 เหรียญฮ่องกง จนเหลือเพียง 80 เหรียญฮ่องกง จากการควบคุมอย่างหนักของรัฐบาลจีน
แต่เปิดปี 2566 ปรากฏว่าหุ้น Alibaba พุ่งแรงได้อย่างโดดเด่น โดย 3 วันทำการราคาหุ้นพุ่งไปแล้วกว่า 13% โดยมีกระแสข่าวว่า  Ant Group อาจจะกลับเข้ามา IPO กันอีกครั้ง และอาจจะเป็น  IPO ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็เป็นไปได้ ...

เมื่อวานนี้   Ant Group ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานดูแลของจีน เพิ่มทุนมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โดย CNBC รายงานว่านี้คือสัญญาณที่ดีต่อ  Ant Group หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแรงกว่าเดิม และมีแนวโน้มว่า  Ant Group จะได้กลับมา IPO อีกครั้งหลังถูกระงับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว 
นักวิเคราะห์ CNBC มองว่า นี้คือสัญญาณที่ดีว่า จีนผ่อนคลายการจัดระเบียบไปแล้ว และอาจจะไม่เห็นการควบคุมอย่างรุนแรงอีกหลังจากนี้

แหล่งข่าวจาก SCMP รายงานว่า Ant Group อาจจะเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.45 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะทำการ Dual Listings ทั้ง 2 ตลาด คือ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นฮ่องกง

นอกจากนี้เว็บไซด์ยังแสดงความเห็นอีกด้วยว่า ปี 2566 ถือเป็นปีทองของตลาดหุ้นฮ่องกง โดยเฉพาะหุ้นเข้าตลาดใหม่ที่รอจะจดทะเบียนอยู่ เช่น ByteDance Syngenta, Amer Sports, FWD Group และ Didi Global

--------------------------------------------------
Reference

CNBC [1]

CNBC [2]

Bloomberg

The Straits Times

South China Morning Post

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

blognone.com