ถ้าเราบอกว่าดัชนีหุ้นไทยอาจจะแตะ 1,500 จุด ภายในสิ้นปีนี้
เชื่อว่านักลงทุนบางส่วนอาจจะไม่เห็นด้วย
และมองไม่เห็นเหตุผลที่จะเป็นปัจจัยผลักดันหุ้นไทยแบบเป็นเรื่องเป็นราว
แต่คงไม่ใช่สำหรับ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ที่มองว่าหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวแตะ 1,500 จุด ในปีนี้
และเราจะเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2567 เป็นต้นไป จาก 3 เหตุผลด้วยกัน คือ
- อานิสงส์เศรษฐกิจโลกดีกว่าคาด
- การลดดอกเบี้ย
- การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การกระตุ้นเศรษฐกิจ
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ได้จัดงานสัมนาเรื่อง แนวโน้มเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน ไตรมาส 2/2567
มองว่าตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และดีขึ้นตามลำดับในครึ่งปีหลัง
จากโอกาสในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ รวมถึง การเบิกจ่ายงบประมาณของไทยที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
ซึ่งหากการเบิกจ่ายทำได้ดีและมีประสิทธิภาพ เราประมาณการเติบโต GDP ของไทย จะขยายตัวได้ 3.0% จากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น
แต่หากการเบิกจ่ายต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งหากเป็นกรณีหลังประเมินว่า ธปท. อาจสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ประเมินเป้าหมาย SET Index ทั้งปีอยู่ที่ 1,550 จุด
ประเด็นแรกที่จะเป็นตัวผลักดันตลาดหุ้นไทย คือ "ดอกเบี้ยขาลง" ...
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง หากแนวโน้ม GDP ไทยขยายตัวได้เพียงระดับ 2.5% โดยคาดว่าอาจเริ่มเห็นการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเม.ย.และมิ.ย.67 เนื่องจากเศรษฐกิจยังเปราะบาง
และการปรับลดดอกเบี้ยจะเป็นตัวหนุนให้กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น
เนื่องจากประเมินว่ากรณี กนง.ลดดอกเบี้ยระดับ 0.25% ต่อครั้ง จะทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายของบจ.ลดลงและมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 17,000 ล้านบาท หรือช่วยหนุนให้ดัชนีฯเพิ่มขึ้นราว 30 จุด
ประเด็นที่สอง คือ เศรษฐกิจโลกที่ดูดีกว่าคาด
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจของอเมริกาจะดูดีกว่าที่บทวิเคราะห์ต่างชาติมองเอาไว้
และประเทศจีนเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น
หลังจากนั้นเศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวในระยะถัดไป นำโดยเศรษฐกิจยุโรป และญี่ปุ่น
โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่เราจะเห็นท่าที่ของ BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี แ
ต่ยังให้คำมั่นที่จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว เพื่อรักษาสถานะนโยบายการเงินให้ยังผ่อนคลาย
ทั้งนี้ เชื่อว่าBOJ จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะไม่ทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวนมากนัก
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะนำนักลงทุนเน้นมองหาหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย
รวมถึงเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินดี กระแสเงินสดดี ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน
มองว่าหุ้นไทย ควรมองเป็นเรื่องการลงทุนระยะยาว และแนะนำกลยุทธ์ที่เรียกว่า DCA
"DCA" คือ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆอย่างสม่ำเสมออย่างในกรณีนี้ เรามักจะหมายถึงหุ้น
คือซื้อหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน มักจะกำหนดเป็นรายเดือน ทุกเดือน หรือแม้แต่อาจจะเป็นรายไตรมาส
โดยบทวิเคราะห์มองว่า หุ้นไทยฟื้นตัวช้า แต่อยู่ในระดับที่ Undervalue มาก
ดังนั้นการลงทุนแบบ DCA ในช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุด
เนื่องจากความเสี่ยงลดลงไปมากและโอกาสทำกำไรในอนาคตค่อนข้างสูง
- ประเทศอินเดีย สปอร์ตไลท์ของเอเชีย กำลังมีแรงงานมากสุดในอีก 10 ปีข้างหน้า
- ลงทุนหุ้นแบบ DCA ใครบอกว่าไม่มีข้อเสีย ?
- Gemini AI ของ Google วิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย วิเคราะห์หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นในปี 2567
อีกสินทรัพย์หนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือ "ตราสารหนี้"
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้ เพราะ แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะเป็นผลบวกต่อราคาตราสารหนี้แล้ว ยังถือเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้ด้วยเช่นกัน
โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสินทรัพย์ในระดับต่ำ
ประเด็นที่สำคัญที่เราไม่ควรลืม คือ เรื่องจิตวิทยาการลงทุน
ในเวลานี้ดูเหมือนไม่มีเหตุผลมากนักที่จะให้ลงทุนในหุ้นไทย
แต่ด้วยความไม่มีเหตุผล แสดงว่าคนส่วนใหญ่ก็อาจจะมองไปในทิศทางเดียวกัน
ซึ่งหมายความว่า หุ้นไทยอาจจะอยู่บริเวณโซนต่ำสุดก็เป็นไปได้
ซื้อหุ้นตอนอยู่ทางต่ำ โอกาสขาดทุนมีน้อย แต่โอกาสที่จะกำไรมีมากกว่า นั่นเองครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย