#มือใหม่เริ่มลงทุน
#วางแผนการเงิน

ETF - Exchange Traded Fund โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในภาวะเงินเฟ้อ

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
438 views

ลงทุนอย่างไรดี ในภาวะตลาดเป็นแบบนี้ ? 
มีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่เลือกหุ้นไม่เป็น เลยไม่รู้จะลงทุนอย่างไรดี ? 
เชื่อว่าคำถามเหล่านี้ น่าจะติดอยู่ในใจของนักลงทุนหลายๆคน
เราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการศึกษาเครื่องมือทางการลงทุนประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ETFs หรือ Exchange Traded Funds

 

ETF คือ กองทุนรวมประเภทหนึ่ง ที่เราสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ผ่านแอป Streaming) ได้แบบ Real Time เหมือนกับหุ้นตัวหนึ่ง
ทั้งนี้ งทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งรูปแบบของเงินปันผล และส่วนต่างจากราคาหลักทรัพย์ (Capital Gains)
โดยทั่วไปแล้ว ETF ส่ วนใหญ่จะเน้นการลงทุนแบบ Passive ซึ่ งมีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่าง ๆ 
เพื่อสร้างผลตอบเเทนให้ใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด เช่น ดัชนีหุ้นในประเทศ ดัชนีหุ้นต่างประเทศ ดัชนีตราสารหนี้ และดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์
จะเห็นได้ว่า ETF เป็นการรวมเอาจุดเด่นของกองทุนรวมดัชนี ในเรื่องการกระจายความเสี่ยงได้ดี และใช้เงินลงทุนน้อย 
และความสามารถในการซื้อขายได้ด้วย Real Time ช่วยให้จับจังหวะซื้อขายได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

 

พูดง่ายๆ คือ เป็นกองทุนเปิดที่ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยราคา Real Time 
โดยมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป 
และกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงได้หลากหลายประเภท เช่น ดัชนีหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ดัชนีตราสารหนี้ และทองคำ

คำถาม คือ นอกจากจุดเด่นที่กล่าวมา 
ยังมีจุดเด่นหรือข้อได้เปรียบใน ETF อะไรอีกบ้างที่น่าสนใจ
เราสามารถสรุปออกมาได้ 5 ข้อ คือ

 

1. เงินน้อยก็กระจายความเสี่ยงได้
การซื้อ ETF ก็ เหมือนการกระจายเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งหมดที่เป็น ส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงนั้น ๆ เช่น ลงทุนใน ETF ดัชนี SET50 ก็จะเท่ากับว่า
เราซื้อหุ้น 50 ถัวเฉลี่ยกันไปตามดัชนี 
ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดตัวได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

 

2. เงินลงทุนงอกเงยไม่แพ้ตลาดในระยะยาว
ETF มี กลยุทธ์ลงทุนแบบ Passive 
ดังนั้น ผลการดำเนนิงานจะวิ่งล้อกับดัชนี ทำให้เมหาะกับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว และต้องการให้เงินลงทุนเติบโตตามตลาดไปเรื่อยๆ

 

3. ซื้อขายแบบ Real Time
ถือเป็นความสามารถพิเศษของ ETF ที่เข้ามาช่วยข้อจำกัดในการซื้อขายกองทุนแบบเดิมๆ และไม่เห็นราคา
ในขณะที่ ETF เห็นราคาแบบ Real Time ซึ่งจะมีประโยชน์มากในช่วงที่รคาหุ้นผันผวน เพราะ ETF เราจะเห็นราคาทันที
ไม่ต้องรอลุ้นราคาปิดของดัชนีภายในวัน และสามารถซื้อได้ ณ เวลาที่ต้องการ

 

4. ราคาซื้อขาย ใกล้เคียงมูลค่าที่แท้จริง
ราคาของ ETF มีผู้ดูแลสภาพคล่อง หรือ Market Maker จะทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อ เสนอขาย หน่วยลงทุน ETF อยู่ จึงมั่นใจได้ว่าราคา ETF สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง และมีคนซื้อ คนขาย หน่วยลงทุนอยู่แน่นอน

 

5. ค่าธรรมเนียมต่ำ
ETF มีค่าธรรมเนียมต่ำ เนื่องจากกองทุนส่วนใหญ่เป็น Passive Fund ที่อิงไปกับดัชนี จึงไม่ได้เน้นเอาชนะตลาดมากๆ จึงไม่ต้องเสียค่าบริหารพอร์ตการลงทุนที่แพงๆ
ซึ่งค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ETF จะเหมือนกับหุ้น เพราะเป็นการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์

 


ในปัจจุบัน ETFs ที่ซื้อผ่านตลาดหุ้นไทยมีอยู่ทั้งหมด 13 ตัว 
ดูรายชื่อ ETFs ทั้งหมด : https://www.set.or.th/th/market/product/etf/overview
แต่ที่นิยมซื้อขาย มีทั้งหมด 5 กองทุนด้วยกัน คือ

1. TDEX
TDEX หรือ กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ จะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (passive management strategy) 
โดยลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน 
ทั้งนี้ จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) 
... พูดง่ายๆ คือ การซื้อ TDEX เราจะได้เป็นเจ้าของหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกทันที 
โดยผลตอบแทนที่ได้ จะใกล้เคียงกับดัชนี SET50
และที่สำคัญ กองทุน TDEX มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 0.3 บาทต่อหน่วย 
หรือคิดเป็น Div. Yield ราวๆ 3.23%


2. GLD
GLD คือ กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ ภายใต้การดูแลของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
กองทุนที่ลงทุนในกองทุน SPDR GOLD Trust จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งมีนโยบายสร้างผลตอบแทนอ้างอิงราคาทองคำแท่ง 
กองทุนจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive management strategy) โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (กองทุนรวมหลัก) เพียงกองทุนเดียว 
โดยกองทุน SPDR Gold Trust จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และจัดตั้งและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC ที่ถือหุ้นโดย World Gold Council (WGC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร
... กองทุน SPDR Gold Trust มีนโยบายลงทุนมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่ง 
เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำหักด้วยค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการทั้งหมดของกองทุน 
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ 
ซึ่งบริษัทจัดการจะเน้นทำการซื้อขายหน่วยลงทุนส่วนใหญ่ของกองทุนรวมหลักในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และใช้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงเป็นหลัก 
โดยส่วนที่เหลือ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust ในตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ 
โดยใช้สกุลเงินอื่น อาทิ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สกุลเงินเยน เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน


3. BSET100
หรือ กองทุนเปิด BCAP SET100 ETF 
กองทุนจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management Strategy) โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET100 Total Return Index ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วย ซึ่งอาจพิจารณาเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Full Replication หรือ Optimization
... กลยุทธ์การลงทุน มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management/Index Tracking)


4. BMSCITH
หรือ กองทุนเปิด BCAP MSCI Thailand ETF
กองทุนจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management Strategy) โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี MSCI Thailand ex Foreign Board Index ซึ่งรวมถึงหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการเข้าหรือออกจากการเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีอ้างอิงด้วย โดยมุ่งเน้นที่จะลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ซึ่งอาจพิจารณาเลือกใช้กลยุทธ์แบบ Full Replication หรือ Optimization
...  กลยุทธ์การลงทุน มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management/Index Tracking)


5. CHINA
กองทุนมีนโยบายเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน W.I.S.E-CSI 300 China Tracker (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (Retail Fund) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนหรือตามอัตราส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.จะประกาศกำหนด


ETFs คือการลงทุนทางเลือก และเครื่องมือทางการลงทุนที่นักลงทุน ไม่ควรมองข้ามครับ

------------------------------------------------------------------------------
Reference
คู่มือลงทุน ETFs

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง