ถ้าเราพูดถึงธุรกิจอาหาร เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่มักจะมีมุมมองเป็น "ลบ"
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหารต้นน้ำ - กลางน้ำ เช่น ปศุสัตว์ การเลี้ยงสัตว์บก (หมู ไก่) หรือสัตว์น้ำที่ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาสัตว์เลี้ยงปรับตัวลดลงอย่างมาก
หรือแม้แต่ธุรกิจอาหารปลายน้ำ เช่น ร้านอาหารก็อยู่ในช่วงยากลำบากของเงินเฟ้อที่สูง ต้นทุนอาหารที่สูงมากขึ้น รวมถึงต้นทุนของกิจการ SG&A ก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น เป็นความท้าทายที่บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต้องเจอ
แต่รู้หรือไม่ว่า ในอุตสาหกรรม "อาหาร" ประเภทหนึ่งที่มีการเติบโตที่ดีมาก
นั่นคือ ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
และหุ้นที่จะกล่าวถึงวันนี้ คือ ITC หรือ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทลูกของ TU หรือ ไทยยูเนี่ยน ที่นักลงทุนไทยต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ITC เกิดขึ้นมื่อปี 2520 จากความคิดริเริ่มของกลุ่มไทยยูเนี่ยนเริ่มทำสินค้าในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง
โดยเริ่มต้นจากการเอาส่วนต่างๆ ของปลาทูน่าที่คนไม่กินมาทำเป็นอาหารสัตว์ แต่ก็เป็นแค่การทดลองทำเท่านั้น
จนกระทั่ง 4 ปี ต่อมา ได้ก่อตั้ง บริษัท สงขลาแคนนิ่ง จำกัด ขึ้นมาเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูป และขยายมาผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2532 โดยพัฒนามาเป็นอาหารเปียกและขนมสุนับและแมวพร้อมๆกัน
ต่อจากนั้น เริ่มพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงเกรดพรีเมี่ยมมากขึ้น โดยไม่ใช่แค่ส่วนของปลาทูน่าเหลือๆ แต่เป็นส่วนที่คนกินด้วยเพื่อส่งขายไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอเมริกา และญี่ปุ่น
... ในปี 2564 บริษัทเปลี่ยนชื่อจาก สงขลาแคนนิ่ง มาเป็น "ไอ-เทล" และขายกิจการที่ไม่ใช่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงออกไป พร้อมกับรับโอนธุรกิจหน่วยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจากเครือไทยยูเนี่ยนมา และเดินหน้าเข้าสู่แผนการ IPO
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้ามาซื้อขายเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปี 2565 ด้วยราคาเสนอขาย 32 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท
และมีบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ 78.82%
ปัจจุบัน ITC รับจ้างผลิต หรือ OEM โดยมีลูกค้าเป็นทั้ง เจ้าของแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ของโลก เช่น MARS Petcare, Aixia รวมถึงแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับกลาง-เล็ก
และยังทำแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของตัวเองด้วย เช่น อาหารแมว Bellotta, อาหารสุนัข Marvo, อาหารที่เหมาะกับแมวเป็นโรคไต ChangeTer
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 7.19 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.59 พันล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 22.77 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 4.47 พันล้านบาท
ปี 2566 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 11.26 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.51 พันล้านบาท
เรียกได้ว่า มีการเติบโตที่เร็วและแรงอย่างมาก
โดยเฉพาะ 3Q66 ที่เติบโตอย่างมากถึง +45% QoQ
ผลประกอบการ 3Q66 ของบริษัท รายงานกำไรสุทธิ 645 ล้านบาท เติบโต +45% QoQ แต่ลดลง -56% YoY
ซึ่งมาจากความสามารถของบริษัทเอง จากกำไรหลักที่เพิ่มขึ้น และอัตราทำกำไรที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น การปรับราคาขาย และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
ถ้าแยกตามโครงสร้างรายได้ ในปี 2565 จะพบว่า มาจาก 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. ธุรกิจรับจ้างผลิต สัดส่วนรายได้ 98.6%
2. แบรนด์ตัวเอง สัดส่วนรายได้ 1%
3. ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ผลพลอยได้จตากวัตถุดิบทางทะเล สัดส่วนรายได้ 0.4%
ถ้าแบ่งโครงสร้างรายได้ตามภูมิภาค จะมาจาก 4 ส่วนหลักด้วยกันคือ
1. ทวีปอเมริกา สัดส่วน 55.6%
2. ทวีปยุโรป สัดส่วน 15.7%
3. ทวีปเอเชีย และโอเชียเนีย สัดส่วน 27.3%
4. ประเทศไทย สัดส่วน 1.4%
ถ้าแบ่งตามสัดส่วนผลิตภัณฑ์ จะแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆด้วยกันคือ
1. อาหารแมว สัดส่วน 72.6%
2. อาหารสุนับ สัดส่วน 12%
3. ขนมสำหรับแมว สัดส่วน 8.2%
4. ขนมสำหรับสุนัข สัดส่วน 6.8%
- Future Energy and Beyond กำลังจะเป็น New S-curve ใหม่ของ PTT
- รู้จัก GFPT ธุรกิจไก่ครบวงจร ที่ยังกำไรได้ ในวันที่"ไก่"ไม่สดใส
- Banpu กำลังปรับตัวอย่างหนัก ในวันที่ธุรกิจถ่านหินไม่เหมือนเดิม
เมื่อไม่นานมานี้ ITC ได้ลงทุนศูนย์วิจัยอาหารแมว "i-Cattery" เพื่อต่อยอดในธุรกิจอาหารอีกด้วย
โดย i-Cattery คือ ศูนย์วิจัยและพัฒนาตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดลสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ล้ำสมัยของ ITC นอกจากจะเป็นศูนย์วิจัยแล้ว ยังมีการเก็บข้อมูลด้วยว่าผลิตภัณฑ์ใดที่ได้รับความนิยมมากกว่ากัน
... i-Cattery ใช้งบลงทุนไปกว่า 36 ล้านบาท
เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศนวัตกรรมของ ITC "i-Cattery" จึงมีความจำเป็นต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และสารปรุงแต่งรสสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับผงชูรสของมนุษย์ แม้ว่าเจ้าของแบรนด์สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่จะมีศูนย์วิจัยของตนเองอยู่แล้ว แต่ ITC เชื่อว่าการมีศูนย์วิจัยของตนเองจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า
สิ่งที่จะต่อยอดของ i-Cattery คือการเปิดตัวอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม และอาหารโภชนบำบัด ซึ่งเป็นเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงในอนาคตที่สามารถสร้างอัตรากำไรได้สูงขึ้น โดยปัจจุบัน ITC ทำโครงการร่วมกับลูกค้าแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก 2 ราย เพื่อเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวแรกที่ไม่เคยออกสู่ตลาดมาก่อน
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะมีข้อสงสัยว่า แล้วผลประกอบการของ ITC ใน 4Q66 จะเป็นอย่างไร ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ ITC ใน 4Q66 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ออกมาดูดี
และมีแนวโน้มสูงมาก ที่จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดคิดเอาไว้ ..
สอดคล้องกับมุมมองจากบทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย ที่มองว่า ITC จะได้ประโยชน์จากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างแข็งแกร่ง เป็น Upside เชิงบวกต่อประมาณการ
มูลค่าหุ้นที่ยังไม่แพง และการเปิดตัว i-Cattery เป็นการริเริ่มที่ดีของ ITC ที่จะคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยในระยะยาว
ITC คือธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
และจับตากันอย่างใกล้ชิดครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย
ผลประกอบการสำคัญ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) : ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์