#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

สรุปดีล ADVANC + TTTBB จะส่งผลเชิงบวกมากแค่ไหน ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
757 views

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ADVANC ได้เข้าซื้อหุ้นใน TTTBB  และ JASIF 
โดยรายละเอียดดีลนี้ พอจะสรุปออกเป็น 2 ข้อด้วยกัน คือ 
1. เข้าซื้อหุ้น TTTBB ในราคา 16.5 พันล้านบาท จาก JAS 
ทำให้ตอนนี้ ADVANC ถือหุ้น TTTBB อยู่ 99.87%
2. เข้าซื้อหน่วยลงทุน JASIF สัดส่วน 19% มูลค่า 11.87 พันล้านบาท จาก JAS ทั้งหมด 
โดย ADVANC ระบุว่าเงินที่ใช้ในการซื้อกิจการมาจากการกู้ยืมธนาคาร
ผู้บริหารมองว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นไปในทางบวก
ไม่ว่าในด้าน ARPU ที่เพิ่มขึ้น จากเดิม 428 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 500 บาท
รายได้จาก Fixed Broadband Internet ที่เพิ่มขึ้นราวๆ 8% ต่อปี
และ EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้น

 

คำถาม คือ การรวมกิจการระหว่าง ADVANC และ TTTBB จะส่งผลเชิงบวกและลบอย่างไร ? 
ถ้าให้ตอบแบบสั้นๆ คือ ส่งผลเชิงบวกมากกว่าผลเชิงลบ
กล่าวคือ ทำให้ ADVANC มีส่วนแบ่งการตลาดจากธุรกิจเน็ตบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก
รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JASIF 
ยังไม่นับเรื่องของการมี Economy of Scale ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ส่วนในแง่ลบ ตลาดกังวลว่า ADVANC จะมีหนี้สินและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

 

ถ้าให้ตอบแบบยาวๆ พอจะสรุปออกมาเป็นข้อๆ ที่อยากจะเล่าสู่กันฟังแบบนี้ครับ 
ผลกระทบเชิงบวก จะออกมา 4 ข้อด้วยกันคือ
1. ทำให้ ADVANC มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านรายจาก TTTBB ขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ที่  AIS เข้าไม่ถึง

2. ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดอินเตอร์เน็ตบ้านของ ADVANC เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 46% จากเดิม 20% (เกือบครึ่ง) 
ก้าวขึ้นมาแซงหน้าผู้เล่นเบอร์ 1 อย่าง TRUE ที่มีส่วนแบ่งการตลาดราวๆ 30%

3. รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JASIF

4. เกิดประโยชน์จากดีล M&A เช่น
รายได้ของ ADVANC ในส่วนธุรกิจบ้านจะเริบโตราวๆ 8% ต่อปี
ประหยัดงบลงทุนได้ 2 พันล้านบาทต่อปี
ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นทางภาษี
เงินปันผลจาก JASIF

 

อย่างไรก็ตาม ก้าวครั้งนี้ของ ADVANC ยังมีประเด็นที่น่ากังวลอยู่เหมือนกัน
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส ได้วิเคราะห์ผลกระทบเชิงลบต่อเหตุการณ์นี้อยู่ 2 ข้อด้วยกัน คือ 
1. ผลประกอบการล่าสุดของ TTTBB ยังขาดทุนอยู่
ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่า TTTBB น่าจะกลับมากำไรได้ภายในปี 2568 (อีก 2 ปี)
พูดง่ายๆ คือ ผลประกอบการของ TTTBB อาจจะกดดดัน ADVANC ต่อไปอีกสักระยะ

 

2. การกู้เงินมาซื้อกิจการ โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ 3%
เท่ากับว่้า ADVANC จะมีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอีกราวๆ 900 ล้านบาทต่อปี
ท่ามกลางกระแสที่ต้นทุนทางการเงินสูง อาจจะทำให้ผลประกอบการไม่ได้เติบโตเป็นไปอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้

 

ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า ผลประกอบการในปี 2566 และปี 2567 น่าจะยังไม่โดดเด่นเท่าไรนัก ถึงแม้จะมีดีล M&A ที่กล่าวไปข้างต้น
แต่เนื่องจาก TTTBB ยังขาดทุน และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นน่าจะกดดันผลประกอบการของ ADVANC ในระยะสั้น 1-2 ปีต่อจากนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพของ ADVANC น่าจะโตได้ปีละ 10% และมีเงินปันผลที่จูงใจระดับ 4% 
จึงเหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาวมากกว่า

สอดคล้องกับความเห็นของบทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย ที่มองไปในทิศทางเดียวกัน
และมองว่า ราคาหุ้นน่าจะเจอกับแรงกดดันระยะสั้น เช่น เงินปันผลอาจจะลดลง และสัดส่วน EV/EBITDA ที่สูงขึ้น หนี้สินสูงขึ้น


------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ทันหุ้น


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง