เวลาเราพูดถึงการลงทุนต่างประเทศ
เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะมองว่า ตลาดหุ้นอเมริกา และตลาดหุ้นเวียดนาม
คือเป้าหมายอันดับต้นๆของนักลงทุนชาวไทย
แต่รู้หรือไม่ว่า มีตลาดหุ้นประเทศหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ "อินเดีย"
ถ้าให้อธิบายสั้นๆ ว่าทำไมถึงน่าสนใจ ก็น่าจะเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจในอีก 10 ปีข้างหน้าจะโตราวๆ 6-7% ต่อปีเลยทีเดียว
เท่ากับว่าโตแซงหน้าญี่ปุ่น และเยอรมัน ภายในปี 2030
บทวิเคราะห์จาก SCB CIO วิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มสดใส คาดเศรษฐกิจ 10 ปีต่อจากนี้มีโอกาสจะเติบโตในระดับ 6-7% ต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก แนะนำให้ทยอยเข้าสะสมหุ้นอินเดีย เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และการบริโภคของประชากร
“รัฐบาลอินเดียได้มีการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจขนานใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา จึงนำไปสู่วงจรการลงทุนรอบใหม่ทั้งจากฝั่งรัฐบาลและภาคเอกชน ขณะที่การบริโภคได้แรงหนุนจากการขยายตัวของประชากร ทั้งด้านจำนวนประชากรวัยทำงานที่ยังอยู่ในระยะขยายตัว รายได้ต่อหัวที่เพิ่มสูงขึ้น และการขยายตัวของเมือง (Urbanization)
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการฟื้นตัวที่เด่นชัดของวัฏจักรความต้องการที่อยู่อาศัย ความแข็งแกร่งของงบดุลภาคธนาคารและภาคครัวเรือน เป็นฐานสำคัญสนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อ อีกทั้งมีปัจจัยจากการเมืองอินเดียที่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งมาสนับสนุนการบริโภคด้วย”
- Pyramid Trading ซื้อขายหุ้นด้วยเทคนิค จำกัดความเสี่ยง ลดขายหมู ไม่ติดดอย
- ทำไม PLANB จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และกำไรจะ New High ใน 4Q66
- KCG ทำอย่างไรให้โตเกือบ 30% ใน 9 เดือน พร้อมแค่ไหน ที่จะโตต่อในไตรมาส 4
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นอินเดียมีมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ประมาณ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก กำลังได้แรงหนุนจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนลดหย่อนภาษีจากรัฐบาล โดยดัชนีหลักที่นักลงทุนติดตาม ได้แก่ Nifty 50 และ Sensex ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ กลุ่มการเงิน ตามด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและพลังงาน ขณะที่ปัจจุบัน Fund Flow ของนักลงทุนภายในประเทศเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น หลังรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้ภาคครัวเรือนเก็บออมเพื่อการเกษียณผ่านกองทุน Systematic Investment Plans หรือ (SIPs) ซึ่งเป็นการลงทุนที่ลดหย่อนภาษีได้ และมีระบบช่วยในการลงทุนเป็นประจำรายเดือนจากความน่าสนใจของตลาดหุ้นอินเดีย
บทวิเคราะห์ มีมุมมอง ค่อนข้างเป็นบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย จากการเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค
และผลบวกจาก Election Rally เชื่อว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคในช่วงก่อนการเลือกตั้งรัฐบาลรอบเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2024
ในส่วนของดัชนี MSCI ได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นอินเดียในดัชนี MSCI Emerging Market จาก 15.9% สู่ระดับ 16.3%
ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจการลงทุนในหุ้นอินเดียต่อนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนและ ETF ที่มีกลยุทธ์แบบ Passive Investment
และคาดว่าจะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มเติมอีก 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหลังจากการปรับปรุงน้ำหนัก
ขณะที่เงินเฟ้อชะลอความร้อนแรงลง และมีแนวโน้มลดลงต่อ ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางอินเดีย อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ 25 bps ในปี 2024
นอกจากนี้ Valuation ของดัชนี Nifty 50 อยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีบนมาตรวัดทั้งในเชิงของ 12-Month Forward Price-to-Earnings และ 12-Month Forward Price-to-Book จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ โดยเฉลี่ยมองว่า Forward EPS หรือกำไรต่อหุ้นในอนาคตปี 2024-2025 อยู่ในระดับ 14-18% (ในขณะที่กำไรงวด 9 เดือน ปี 2023 เติบโตกว่า 12.5%YOY)
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอินเดียก็มีความเสี่ยงที่เรามองข้ามไม่ได้เช่นกัน เช่น
ความผันผวนของค่าเงินอินเดียรูปี
ถ้าใครได้ติดตามจะพบว่า ลดลงไปกว่า 45% สาเหตุเพราะประเทศมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ทั้งนี้ รัฐบาลมีความพยายามจำกัดความเสี่ยงจากค่าเงินด้วยการเพิ่มทุนสำรอง รวมทั้งหันไปนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยซื้อ-ขายด้วยสกุลเงินอินเดียรูปีแทนดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดเศรษฐกิจอินเดียจะแซงหน้าญี่ปุ่นและเยอรมนีในปี 2030
https://drive.google.com/file/d/1hSP3s0HIY5fB38uvWNnj68Lv8yJCrv_P/view?usp=drive_link
อ้างอิง: IMF และ SCB CIO
มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ของตลาดหุ้นรายประเทศ
https://drive.google.com/file/d/19b9qIYzYL1aSxtB139yreqsinMGSEJXL/view?usp=drive_link
อ้างอิง: Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2023 และ SCB CIO
ROE อินเดียสูงที่สุดใน Asia Pacific x Japan ในปี 2024 และปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 20 ปี
https://drive.google.com/file/d/11YnjyJiHwA8DSRIWMnOWlWW-nwpIcDCR/view?usp=drive_link
https://drive.google.com/file/d/1p_dLvezdvAMdqjD8Eyo9ebXxOSTEsJ76/view?usp=drive_link
อ้างอิง: Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2023 และ SCB CIO
------------------------------------------------------------------------------
Reference
THE STANDARD WEALTH