เวลาเราพูดถึงธุรกิจ "หนังสือ" คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่า
ไม่เติบโต คนไทยอ่านหนังสือน้อยลง หรือแทบจะไม่อ่านเลย
แต่นี้เป็นความเข้าใจที่ผิด สาเหตุเป็นเพราะว่า
ข้อมูลจาก Statista บอกว่ามูลค่าตลาดหนังสือเล่มทั่วโลกอยู่ที่ 68.1 พันล้านเหรียญ และจะทรงตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงปี 2570 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยราวๆ 0.9%
ในขณะที่ประเทศไทย ตลาดหนังสือเล่มมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 เติบโต 15% จากปี 2564
ปัจจัยหลักๆมาจากงานสัปดาห์หนังสือ ที่คนกลับมาอ่านหนังสือมากขึ้น
แสดงให้เห็นว่า คนไทยรักการอ่านมากขึ้น
ยิ่งตลาดนังสือ E-Book เติบโตมากถึง 12.8% ตั้งแต่ปี 2563 - 2565 และคาดว่าน่าจะเติบโตอีกราวๆ 7.7% ตั้งแต่ปี 2566 - 2570
คำถาม คือ ถ้าเราจะมองหาประโยชน์จากธุรกิจ "หนังสือ" เราควรเลือกลงทุนหุ้นอะไร
คำตอบ คือ MEB หรือบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
MEB เป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) หนังสือเสียง (Audio Book) อุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Reader)
มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง คือ readAwrite เป็นต้นน้ำของธุรกิจที่ สมาชิกสามารถสร้างคอนเทนต์เนื้อบนแพลตฟอร์มของตัวเองเป็นตอนๆ หรือนิยายแชท
รวมถึงแพลตฟอร์ม MEB เป็นปลายน้ำของธุรกิจ คือการขายและจัดจำหน่าย E-Book
ธุรกิจหลักของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจใหญ่ๆด้วยกันคือ
1. ธุรกิจแพลตฟอร์มวรรณกรรมออนไลน์ (สัดส่วนรายได้ 91%)
โดยมี 3 แพลตฟอร์มใหญ่ๆคือ
... แพลตฟอร์ม MEB จำหน่าย E-Book และ Audio Book รวมถึงบริการ E Buffet อ่านหนังสือแบบไม่จำกัดในเวลาที่กำหนด
... แพลตฟอร์ม readAwrite นำเสนอนิยายเป็นตอน นิยายแชท สร้างคอนเทนต์เป็นของตัวเอง สามารถเสียเงินเพื่อเข้าไปอ่าน หรือจะเป็นการอ่านฟรีแต่มี Donate สนับสนุนนักเขียน (สัดส่วนรายได้ 5%)
... แพลตฟอร์ม Hytexts จำหน่าย E-Book จากสำนักพิมพ์ และนักเขียนอิสระทั้งในและต่างประเทศ
2. ธุรกิจประเภทอื่นๆ (สัดส่วนรายได้ 3%)
เช่น E-Buffett, Audio Book, E-Reader และห้องสมุดออนไลน์ Hibrary
ผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา
ปี 256. บริษัทมีรายได้ 1.00 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 165 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1.45 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 275 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 1.72 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 331 ล้านบาท
งบ 6 เดือน ปี 2566 บริษัทมีรายได้ 934 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท
โดยบริษัทมี Net Margin สูงมากถึงเกือบ 20%
และการเติบโตก็ไม่ธรรมดาเลย
พบว่า การเติบโตตั้งแต่ 2563 - 2565 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึง 32%
โดยสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของผู้ใช้บริการ MEB และ readAwrite ที่เพิ่มขึ้น
สอดคล้องกับอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับสูงเกือบ 30% จากการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะ SG&A ที่แทบไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย
- ทำไมหุ้น MEB ถึงกลายมาเป็นที่สนใจของนักลงทุน ?
- กรณีศึกษา ZEN ธุรกิจร้านอาหารที่กลับมาโตเร็วมาก หลังพ้นโควิด
- JKN สรุปประเด็นผิดนัดชำระหนี้แบบเข้าใจง่าย โอกาสหรือความเสี่ยง ?
นอกจากการเติบโตที่ไม่ธรรมดาแล้ว ฐานะทางการเงินก็แข็งแกร่งอีกด้วย
ในผลประกอบการล่าสุด พบว่า
บริษัทมีหนี้สินอยู่ที่ 240 ล้านบาท
ในขณะที่สัดส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 978 ล้านบาท
บ่งบอกว่าบริษัทมีหนี้สินน้อย ฐานทางการเงินมั่นคง
รวมถึงแผนการลงทุนที่ชัดเจน
เวลาเราพูดถึงแผนการลงทุน เรามักจะหมายถึงการเติบโตในอนาคต
โดย MEB ถือเป็นหุ้นที่เข้ามาระดมทุนได้ไม่นาน ช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 ได้เงิน IPO ไปราวๆ 600 ล้านบาท โดยจะนำเงิน IPO ไปลงทุนใน 4 ภาคส่วนด้วยกัน คือ
1. ต่อยอดแพลตฟอร์ม พัฒนาระบบการดำเนินงาน
2. เพิ่มวรรณกรรมที่น่าสนใจ ดึงดูดผู้ใช้ใหม่
3. การมองหาดีล M&A เข้าซื้อกิจการ
4. ปรับกลยุทธ์การตลาด เข้ากลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า วิเคราะห์ว่า MEB เป็นผู้นำในแพลตฟอร์มธุรกิจหนังสือ E-Book ในไทย มีการเติบโตที่สูง และโอกาสในการต่อยอดที่อีกมาก โดยเฉพาะการเพิ่มชนิดสินค้า และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง จะเติบโตอย่างโดดเด่น
ใน 3Q66 เป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น
ใน 4Q66 มีงานสัปดาห์หนังสือ หนุนให้ผู้ใช้บริการเข้าไปค้นหาหนังสือมากขึ้น รวมถึงการเปิดตัวหนังสือใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาด
เมื่อไม่นานมานี้ MEB มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมรุกไปต่างประเทศมากขึ้น
ถ้า MEB ประสบความสำเร็จ จะทำให้รายได้เติบโตน้อยๆ 20% - 30% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมาก
MEB ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจในเรื่องของการเติบโต
และการอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังดีขึ้นเรื่อยๆในอนาคต
ถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม ครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า