#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

ปัญหา Debt Ceiling อธิบายในแบบเข้าใจง่าย

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,507 views

นอกจากปัญหาการเมืองไทยที่นักลงทุนให้ความสนใจแล้ว
เราแทบจะไม่ได้ติดตามเรื่องของปัญหา Debt Ceiling 
ซึ่งเป็นปัญหาทางการเงินที่คอยกดดันตลาดหุ้นอเมริกาและทั่วโลกอยู่ในขณะนี้

คำถาม คือ สิ่งที่เราจะได้ยินจากการฟังข่าวว่า "ปัญหา Debt Ceiling"
มันคืออะไร ? 
และตอนนี้นักลงทุนทั่วโลก เขากำลังกังวลอะไรกันอยู่ ?

 

โดยปกติภาครัฐจะมีการกู้ยืมมาใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินเดือนของหน่วยงานราชการ รวมถึงสวัสดิการสังคมและภาระดอกเบี้ยที่มาจากการกู้ยืม สิ่งที่กู้ยืมมาเราเรียกว่า "หนี้สาธารณะ" 
แต่การกู้ยืมมาใช้จ่าย จะต้องอยู่ภายใต้กฏหมายที่กำหนดเอาไว้ ... 
ซึ่งรัฐบาลก็กู้ยืมจนเกินเพดานหนี้ และมีการขยายเพดานหนี้ออกไปเรื่อยๆ
และล่าสุด ปัญหาก็เกิดเมื่อรัฐบาลกลางกู้เงินจนแตะระดับเพดานหนี้ (อีกครั้ง) 
เราก็เลยเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ปัญหา Debt Ceiling"

 

ปัญหา Debt Ceiling คือ ปัญหาที่กู้เงินจนเกินเพดานหนี้ และทางภาครัฐต้องร่างกฏหมายใหม่ เพื่อขยายเพดานหนี้ต่อออกไป เพื่อให้ภาครัฐกู้เงินออกมาใช้จ่ายได้
ถ้าไม่อย่างนั้น อาจจะเกิดเหตุการณ์ Government Shutdown 
รัฐบาลไม่มีเงินมาใช้จ่าย จ่ายเงินข้าราชการ ส่งผลไปยังการผิดนัดชำระหนี้ ตลาดหุ้นตกทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคหายไป

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นอเมริกาตกค่อนข้างหนัก จากเรื่องของการเจรจาเพดานหนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป 
ซึ่งทางประธานสภาของสหรัฐ นายเควน แมคคาร์ธีจะต่อสายตรงเพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทุกวันจนกว่าจะได้ข้อสรุป เส้นตายจะอยู่วันที่ 1 มิถุนายน หรือที่เรียกกกันว่า X-date
ถ้าตกลงกันได้ มีการเจรจาเพดานหนี้ได้จริง จะทำได้ 2 วิธี คือ
1. วิธิ Regular Order คือ ผ่านกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้
2. วิธิ Reconciliation คือผ่านกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ ด้วยวิธีพิเศษ โดยใช้เพียงคะแนนเกินครึ่งหนึ่ง ทั้งจากสภาล่างและสภาสูง (ใช้ 51 เสียงจาก 100 เสียง)

 

ประเด็นคือ แล้วถ้าไม่ทัน ละ ? 
สหรัฐอเมริกาไม่สามารถขยายเพดานหนี้ ได้ จะเกิดอะไรขึ้น ? 
และดูเหมือนว่า ตลาดจะมองไปในทางนี้มากกว่า
... ในปี 2011 การเจรจาดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ทางสภาต้องออกกฏหมายพิเศษที่เรียกว่า Budget Control Act หรือ BCA เพื่อเลื่อนระยะเวลาการขยาย Debt Celling ออกไป โดยภาครัฐจะใช้งบจาก Cash Balance ในการชำระภาระผูกพันออกไปก่อน
ทำให้ในปีนั้น สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้รับลดเครดิตของอเมริกาลงด้วยเหตุผลเรื่องความล้มเหลวของการคลังในระยะคลัง ส่งผลกระทบให้หุ้นตกและกระทบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างมาก

 

... ในปี 2014 การพยายามเจรจา Debt Celling ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากสภาล่าง ในขณะที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากสภาสูง ทำให้การเจรจาไม่ลงตัว เกิดเหตุการณ์ Government Shutdown
ส่งผลให้มีพนักงานภาครัฐถูกพักงานมากถึง 8.5 แสนคน หรือคิดเป็น 40% ของพนักงานรัฐทั้งหมด แต่สุดท้ายสภาคองเกรสก็ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวออกมาได้  

 

โดยสรุป คือ ปัญหา Debt Celling คือปัญหาที่กลับมากดดันเศรษฐกิจทั่วโลกกันอีกครั้ง หลังผ่านพ้นเรื่องวิกฤตธนาคารล้มละลาย (ที่ยังไม่จบ)
ซึ่งมีแนวโน้มสูงมากที่อเมริกาอาจจะไม่สามารถขยาย Debt Celling 
และสิ่งที่ตามมา คือ Government Shutdown พนักงานภาครัฐอาจจะต้องถูกพักงาน กระทบกับตลาดทุนและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่หายไปอย่างรวดเร็ว 
ต่อมา คือ การผิดนัดชำระหนี้บนตราสารหนี้ภาครัฐ ซึ่งก็จะไปสร้างความตื่นตระหนกทางการเงิน (Financial Shock) ทำให้เกิดภาวะการเงินตึงตัวมากขึ้นได้ 
เพราะบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำต่างๆ มีแนวโน้มจะปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ลง ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของกระทรวงการคลัง ผู้บริโภค และภาคธุรกิจสูงขึ้น

 

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติจะทยอยลดการถือครองตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ จนไปกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อได้ ในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

 

เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม และควรติดตามอย่างใกล้ชิดครับ

------------------------------------------------------------------------------
Reference
BBC

CNBC

The Guardian

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง

SCB EIC : เพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมริกา (U.S. Debt Ceiling) 

PostToday

ไทยโพสต์


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง