ถ้าใครติดตามหุ้น MAJOR ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบว่าราคาหุ้นปรับตัวลดกว่า -4%
หรือถ้าเราถอยหลังมองในระยะ 1 เดือน ราคาหุ้น -13% เข้าไปแล้ว
คำถาม คือ เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น MAJOR
ทำไมนักลงทุนถึงเทขายหุ้น MAJOR อย่างหนัก ในช่วงนี้ ?
คำตอบ น่าจะเป็นเรื่องของการจัดเก็บภาษีโรงภาพยนตร์ หนึ่งในนโยบายของพรรคก้าวไกล
โดยแนวคิด คือ จะจัดเก็บภาษีโรงภาพยนตร์อัตรา 1% ของค่าตั๋ว
หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเนื้อหา และการสมทบจากภาครัฐอีกในอัตราส่วน 1:1
เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ผลิตภาพยนตร์ไทยหน้าใหม่ๆ
ถ้าเรามองว่ารายได้รวมกว่าครึ่งของ MAJOR มาจากการขายตั๋วโรงภาพยนตร์
เช่นในปี 2565 รายได้ของ MAJOR อยู่ที่ 6.74 พันล้านบาท
แสดงว่ารายได้ตั๋วโรงภาพยนต์น่าจะอยู่ราวๆ 3.4 พันล้านบาท
หากเก็บภาษี 1% จะอยู่ที่ 34 ล้านบาท
ซึ่งจะเป็นการแบ่งค่าใช้จ่ายระหว่างเจ้าของโรงภาพยนตร์ และค่ายผลิตภาพยนตร์คนละครึ่ง
พูดง่ายๆ คือ MAJOR จะมีรายจ่ายพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 17 ล้านบาท ซึ่งถือว่าคิดเป็น 2-3% ถ้าเทียบกับกำไรสุทธิของ MAJOR ที่มีอยู่ราวๆ 700 - 1พันล้านบาท
- สาเหตุ EGCO ราคาหุ้น -20% ใน 1 ปี กับกำไรที่ไม่สดใส
- SCB EIC มองเศรษฐกิจไทยโตต่อ แต่ระวังปัญหาทางการเมือง
- นโยบายก้าวไกล อาจจะกระทบกับกลุ่มสื่อสารน้อยกว่าที่คิดเอาไว้
คำถามคือ ภาษีที่จ่ายเพิ่มขึ้น กระทบกับพื้นฐานของ MAJOR อย่างที่ราคาหุ้นสะท้อนไปหรือไม่ ?
คำตอบ คือ ไม่เลย และออกจะเป็นผลดีด้วยซ้ำ
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส มองในแง่บวกเกี่ยวกับภาษีโรงภาพยนตร์ และมีผลกระทบต่อ MAJOR จำกัด
1. ภาษีโรงภาพยนตร์จะทำให้ MAJOR จ่ายเงินเพิ่มอีกราวๆ 17-20 ล้านบาท คิดเป็น 2-3% ของกำไรสุทธิ
2. สิ่งที่ MAJOR จะได้ คือ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทยที่แข็งแรงขึ้น มีศักยภาพมากขึ้น
จากปัจจุบันที่มีภาพยนตร์ไทยราวๆ 40-50 เรื่อง อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้ MAJOR ได้รับอานิสงค์จากหนังไทยที่มีเข้าฉายมากขึ้น โดยเฉพาะในโรงต่างจังหวัด
ดังนั้น การที่ราคาหุ้นปรับลดลงมามาก จึงมองว่าเป็นการตกใจเกินกว่าเหตุ
และในภาพระยะยาว จะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตหนังไทยให้เติบโต เป็นผลดีกับ MAJOR ในระยะยาวอีกด้วยครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
moveforwardparty.org