เมื่อไม่นานมานี้ มีประเด็นที่น่าสนใจว่า CPF ได้ส่งบริษัทลูกเข้าตลาด คือ CPFGS หรือ บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน)
ถ้าพูดแบบสั้นๆ บริษัททำธุรกิจการค้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงกิจการร้านอาหารและขนมสัตว์เลี้ยง
แต่ถ้าจะให้อธิบายแบบยาวๆ คือ บริษัท จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปของ CPF ภายในประเทศไทยและจำหน่ายไปยังต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว สำหรับผลิตภัณฑ์จากฐานการผลิตของ CPF ในไทย และยังมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ CPFGS จัดหาจากบุคคลภายนอก โดยได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านอาหารแก่ ผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงลูกค้าเชิงพาณิชย์ (commercial customer) เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง (HoReCa) ผ่านช่องทางที่หลากหลายทั้งในไทยและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ
1. การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปในประเทศไทยและในต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์โดยหลัก ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อเป็ด ไข่ไก่ เนื้อกุ้ง และเนื้อปลา ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป รวมถึง ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ไส้กรอก ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน
2. ธุรกิจร้านอาหาร คือ กิจการห้าดาว (Five Star) ร้านเชสเตอร์ (Chester’s) ศูนย์อาหารฟู้ดเวิลด์ การให้บริการจัดเลี้ยง และร้านอาหารอื่นๆ ซึ่งมีจำนวน 5,101 แห่งทั่วประเทศไทย
3. ผลิตภัณฑ์ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง คือ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มมูลค่า (value-added pet snack products) ภายใต้ตราสินค้า Jerhigh และ Jinny
CPFGS มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทยผ่านช่องทางการจำหน่ายแบบ B2B2C, B2B และ B2C ผ่าน ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น 7-11, Makro, Lotus’s, BigC, Tops, Central Food Hall และร้านค้าปลีกในเครือ The Mall นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายและส่งออกไปยัง 53 ประเทศทั่วโลก ภายใต้ช่องทางการจำหน่าย B2B2C และ B2B ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา โอเชียเนีย และแอฟริกา
CPFGS มุ่งนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและพันธมิตรทั่วทุกมุมโลก รวมถึงการเป็นหุ้นส่วนทางการค้ากับกลุ่มบริษัท CPF ซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางและมีระบบนิเวศทางธุรกิจที่หลากหลาย เป็นแหล่งจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีความมั่นคงและคุณภาพสูง ทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งในการแข่งขัน และมีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีและสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่า เพื่อส่งมอบการดูแลสุขภาพเชิงรุกให้แก่ประชากรโลก
╔═══════════╗
ติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม
เติบโตอย่างรุ่งเรืองด้วยการควบรวม
สรุป TRUE - DTAC ในสิ่งที่นักลงทุนต้องรู้
BCP ซื้อ ESSO ได้อะไร ?
╚═══════════╝
บริษัทมี 5 กลุ่มรายได้หลักแบ่งออกเป็น
1. ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ สัดส่วนรายได้ 57.8%
2. ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป สัดส่วนรายได้ 33.8%
3. ธุรกิจร้านอาหาร สัดส่วนรายได้ 4%
4. ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง สัดส่วนรายได้ 1.2%
5. ผลิตภัณฑ์อื่นๆ สัดส่วนรายได้ 3.3%
ซึ่งถ้าเราแบ่งเป็นภูมิศาสตร์ จะพบว่ารายได้หลักมาจากประเทศไทยสูงถึง 62.3% ที่เหลือเป็นยุโรป 22%
เอเชีย (ไม่รวมไทย) 9% และอเมริกาอีกราวๆ 5%
ผลประกอบการของ CPFGS ที่ผ่านมา
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.22 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.27 พันล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1.38 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.64 พันล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 1.71 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 6.17 พันล้านบาท
โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นราวๆ 10% และอัตรากำไรสุทธิประมาณ 4%
สรุปแล้ว CPFGS เป็นธุรกิจ "ปลายน้ำ" ของ CPF ที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากอีกทั้งบริษัทมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ติดตลาด มีช่องทางการจัดจำหน่ายหลากหลาย และผู้บริโภครู้จักกันเป็นอย่างดี
เรียกได้ว่าเป็นหุ้น "นวัตกรรม" แต่นวัตกรรมที่กล่าวถึงไม่ใช่ทางด้านเทคโนโลยี หรือจะเปลี่ยนโลกอย่างที่เราเข้าใจ
แต่มันคือ นวัตกรรมทางด้านอาหารที่จะทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น การผลิตที่มีมาตรฐานอยู่คู่กับผู้บริโภค พร้อมทั้งได้รับอาหารที่มีคุณภาพต่อไป
ทั้งนี้ CPFGS ได้ยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยภายหลังการ IPO นั้น CPFGS ยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ CPF พร้อมได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ถือเป็นหุ้น IPO น้องใหม่ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
CPFGS Filling : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย