เวลาเราพูดถึงบริษัทที่มีการเปลี่ยนธุรกิจ มักจะจบลงด้วยคำว่า "ไม่ประสบความสำเร็จ"
แต่คงไม่ใช่สำหรับ RS ที่จากธุรกิจเดิม คือ มีเดียมาสู่ธุรกิจค้าปลีก (Commerce) เข้ากับธุรกิจบันเทิง (Entertainment) รวมเรียกกันว่า Entertainmerce แล้วประสบความสำเร็จอย่างสูง
โดยความชัดเจนของการเปลี่ยนธุรกิจเริ่มต้นตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว มีการเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ เปลี่ยนธุรกิจใหม่โดยการหาธุรกิจที่มีการเติบโต รวมเข้ากับสิ่งที่ตัวเองมีความชำนาญอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบันเทิง คอนเทนต์ สื่อเป็นของตัวเอง
และล่าสุด บริษัทมีแสดงวิสัยทัศน์แล้วว่าตั้งเป้าให้มุลค่าตลาด (Market Cap.) ของบริษัทแตะระดับ 1 แสนล้านบาท ภายใน 3 ปี โดยการมุ่งเน้นไปที่การ Spin-Off ของบริษัทลูกที่ประสบความสำเร็จ
แต่เดิมมูลค่าตลาดของ RS อยู่ราวๆ 1.6 หมื่นล้านบาท ประกอบไปด้วย 6 กลุ่มธุรกิจ คือ
1. RS Multimedia : ช่อง 8 , คลื่นวิทยุ Cool Fahrenheit
2. Rs Music : ธุรกิจเดิมของบริษัท ค่ายเพลง งานคอนเทนต์ และปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทจะกลับมารุกในธุรกิจเพลงเชิงรุกอีกครั้ง จากการนำศิลปินเก่าๆกลับมาแสดงภายใต้ "RS Homecoming"
รวมถึงศิลปินรุ่นใหม่ๆภายใต้สังกัตใหม่ RS Newcomer"
3. RS Live Mall : จัดจําหน่ายสินค้า แบ่งเป็น RS Mall, Well U, Vitanature+, CAMU-C และ Lifemate
4. RS Connect : Ulife ถือเป็นธุรกิจหลักภายใต้ RS Connect ที่จะเชื่อมต่อคนเข้ากับคน โดยสินค้าจาก ULife ถือเป็นสินค้าประเภทกำไรสูง (High Margin) ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นของ RS
5. RS Pet ALL : ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ต้นน้ำ - ปลายน้ำ
6. RAlliance : ธุรกิจ Investment Arm ของ RS
ประเด็น คือ การจะเติบโตให้ได้ 1 แสนล้านบาท ต้องเน้นไปที่การ Spin - Off บริษัทลูกๆ
คำถาม คือ บริษัทไหนที่จะตกเป็นเป้าหมายของ RS ในการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์
คำตอบ คือ ธุรกิจ RS Connect และ RAlliance
- เราจะยังเห็นผลประกอบการหุ้นไทยมีแนวโน้มเติบโต
- การลงทุน คือ การวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งแข่ง
- เติบโตอย่างรุ่งเรืองด้วยการควบรวม
บริษัท อาร์ อัลไลแอนซ์ จำกัด หรือ RAlliance คือบริษัทที่เน้นการลงทุนของเครือ RS โดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทในกลุ่มของ RAlliance คือ "CHASE" หรือ บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ที่ RAlliance ถือหุ้นอยู่ราวๆ 35% ทำธุรกิจทวงถามหนี้ ดำเนินคดีและบังคับคดี
โดย RS จะลดสัดส่วนการถือครองหุ้นจาก 35% มาอยู่ที่ 20% หลังธุรกรรมเสร็จสิ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 และ RS จะมีกำไรพิเศษอยู่ราวๆ 150 - 350 ล้านบาท
ธุรกิจ RS Connect ถือเป็นอีก 1 กลุ่มธุรกิจที่มีความชัดเจนว่าจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเตรียมนำ ULife เข้าจดทะเบียนภายในปี 2568
โดย ULife เป็นธุรกิจขายตรงสินค้าประเภทสุขภาพและความงาม ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้แบรนด์ Beyonde ผลิตภัณฑ์สกินแคร์-แฮร์แคร์ ภายใต้แบรนด์ Aviance และผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก แบรนด์ I-Freshรวมถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มโฮมแคร์ และเดลี่ฟูดส์ ขยายไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลาง
ยังไม่รวมดีล M&A ของ RS ที่จะเกิดขึ้นอีกในปีนี้ราวๆ 2-3 ดีล
และธุรกิจต่างๆของ RS ก็ดูมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมาก
ถือเป็นอีกบริษัทของตลาดหุ้นไทยที่น่าจับตาอย่างมาก เพราะเป้าหมายของ RS ไม่ใช่การเดินหน้าจาก Market Cap. 1.6 หมื่นล้านบาท ไปแตะระดับ 5 หมื่นล้าน หรือ 6 หมื่นล้าน
แต่เป็นการตั้งเป้าแตะระดับ 1 แสนล้านบาท โดยการใช้บริษัทลูกที่ประสบความสำเร็จแล้ว Spin Off เข้าตลาดหลักทรัพย์
------------------------------------------------------------------------------
Reference
ไทยรัฐออนไลน์