หลายๆครั้ง เวลาเกิดดีลการซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการ เรามักจะวิเคราะห์ไม่ออกว่าดีลที่เกิดขึ้นจะส่งผลดีหรือส่งผลเสียอย่างไร
ยิ่งเป็นหลักทรัพย์ที่เราถือด้วยแล้ว เกิดกระแสข่าวขึ้นราคาหุ้นมีความผันผวนทำให้ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร

ประเด็นคือ พอจะมีวิธีวิเคราะห์ดีล M&A ที่ตัวเราเองสามารถทำได้ เข้าได้ง่ายและไม่ซับซ้อน บ้างหรือไม่ ? 
นี้คือ 2 เรี่องที่เราต้องพิจารณา
1. ธุรกิจมีความเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่
2. ราคาที่ซื้อถูกหรือแพงมากน้อยแค่ไหน

ดีลการซื้อที่สำคัญต้องมี Synergy หรือประโยชน์ร่วมกันที่เกิดจากการควบรวม 
สัญญาณที่เห็นได้ชัดเจน คือ ธุรกิจต้องมีความเกี่ยวข้องกัน เช่น ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ ซื้อร้านอาหาร ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะขยายไปยังธุรกิจปลายน้ำ
ธุรกิจโรงไฟฟ้า ซื้อโรงไฟฟ้า อันนี้มีความชัดเจนว่าต้องการกำลังการผลิตเพิ่ม ผลประกอบการมักจะโตตามไปด้วยอยู่แล้ว
แต่ถ้าบริษัทผลิตเหล็ก เข้าลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ก็อาจจะตั้งข้อสงสัยว่าธุรกิจไม่เกี่ยวข้องกัน ภาพที่ออกมาอาจจะเป็นลบ

• เติบโตอย่างรุ่งเรืองด้วยการควบรวม
• สรุป TRUE - DTAC ในสิ่งที่นักลงทุนต้องรู้
• BCP ซื้อ ESSO ได้อะไร ?
   

ประเด็นสำคัญที่สุดที่เราต้องไม่มองข้าม คือ ราคาซื้อต้องไม่แพงเกินไป
ง่ายที่สุด คือ การวัดจากค่า P/E Ratio เราสามารถเปิดดูจากเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์เพื่อเปรียบเทียบค่า P/E ของหุ้นตัวนั้นๆได้
ยิ่งบริษัทซื้อได้ราคาถูก ยิ่งได้เปรียบ เพราะเกิดทั้ง Synergy ด้วย และได้ราคาที่ถูกด้วย
แต่การซื้อแพง ก็อาจจะไม่ได้ส่งผลเสียเสมอไป เพราะบริษัทที่แพงแสดงว่ามีศักยภาพในการเติบโตจึงต้องซื้อในราคาแพงๆ เพียงแต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่นานกว่าจะเริ่มเห็น Synergy ที่เด่นชัดขึ้น

นอกจากนี้เรายังสามารถค้นคว้าวิเคราะห์ดีล M&A ที่เกิดขึ้นได้จากการอ่านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เราเป็นลูกค้าอยุ่ 
ส่วนใหญ่บทวิเคราะห์จะเน้นไปที่การมองอนาคต ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการเติบโตของผลประกอบการในอีก 1-2 ปีข้างหน้า 
จะช่วยให้ผู้ลงทุนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกมาก