ห้องเม่าปีกเหล็ก

KEX ถือ 1 ปี เงินหายไปกี่ %

โดย missวิมลรัตน์
เผยแพร่ :
169 views

KEX ถือ 1 ปี เงินหายไปกว่า 49.55%

โบรกฯ แนะ “ขายได้ขาย”

หวั่นผลงานครึ่งหลังขาดทุนต่อ

 

.

หากพูดถึงธุรกิจการขนส่งในไทยและยังเข้าจดทะเบียนในตลาดทุน บริษัทแรกที่นักลงทุนรู้จักหรือผ่านหูผ่าตาเป็นอย่างดีก็คือ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX จึงทำให้ได้รับความนิยมและความคาดหวังจากนักลงทุนไทย แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ต้นปีถึงช่วงครึ่งปีแรกปี 65 ด้วยผลขาดทุนกว่า 1,223 ล้านบาท กลับทำให้นักลงทุนต้องผิดหวังและสะท้อนมายังราคาหุ้น 1 ปีย้อนหลังปรับตัวลดลงกว่า 49.55% หรืออยู่ที่ 19.60 บาท(ณ วันที่ 27 ก.ย. 65)

.

ซึ่งเป็นคำถามและข้อสงสัยขึ้นในแวดวงของนักลงทุนว่า “ควรรับมือ” เช่นไร ทาง Wealthy Thai จึงขอโอกาสนี้ในการนำเสนอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุน

.

โดยนักวิเคราะห์จากบล.ทิสโก้ ให้คำแนะนำ “ขาย” ด้วยราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 19.50 บาท ตามการปรับประมาณการกำไรสุทธิของปี 65 ที่จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท พร้อมกับปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นมาอยู่ที่ -5.1% จากเดิมที่คาดอัตรากำไรขั้นต้น 2.7% ตามผลขาดทุนสุทธิที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 65

.

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 บริษัทได้ประกาศผลขาดทุนสุทธิที่ 732 ล้านบาท แต่ผลขาดทุนสุทธินี้แย่กว่าที้เราและตลาดคาดไปมาก จากการที่บริษัทยังไม่สามารถกระจายต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังไตรมาสถัดๆไปได้โดยไม่กระทบต้นทุนรวมซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดเป็นผลขาดทุนต่อไปอีกในครึ่งปีหลังปี 65

.

อย่างไรก็ดีปริมาณพัสดุในช่วงเดือนก.ค.และส.ค. 65 ที่ผ่านมา มีการปรับตัวดีขึ้นกว่าในไตรมาส 2/65 เนื่องจากการทำการตลาดและจัดโปรโมชั่นอย่างหนักของอี-คอมเมิร์ซ นอกจากนี้จากการที่บริษัทมีการคิดค่าขนส่งต่อชิ้นเพิ่มขึ้น จากต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

.

และสภาวะราคาต่อชิ้นที่เก็บจากลูกค้าไม่ได้ลดลงเร็วและแรงเมื่อเทียบกับปี 64 จากสถานการณ์การแข่งขันที่ลดความรุนแรงลงมากและคู่แข่งหลักๆมีการปรับราคาต่อชิ้นเพิ่มขึ้นนั้น คาดว่าจะเข้ามาช่วยลดต้นทุนได้บางส่วนและทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังมีการปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

.

ฟากนักวิเคราะห์จากบล.กรุงศรี มองว่าราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นมาแรงในช่วง2-3 เดือนมานี้ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัท เพราะผลขาดทุนในไตรมาส 2/65 หนักกว่าทุกไตรมาสในอดีตที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้ยังมีความเสี่ยงด้านดาวน์ไซต์อีก เพราะบริษัทยังคงใช้กลยุทธ์ด้านราคาต่อไป จึงปรับลดคำแนะนำจากถือเป็นขายและคงราคาเป้าหมายเอาไว้เท่าเดิมที่ 19.50 บาท

 

 


missวิมลรัตน์