ห้องเม่าปีกเหล็ก

ข่าวร้ายยังคุกรุ่นตลาดหุ้น

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
75 views

บรรยากาศการซื้อขายหุ้นกลับมาคึกคักสุดเหวี่ยงอีกครั้ง เพราะมีข่าวดีทั้งจากภายนอกและภายในประเทศไหลทะลักเข้ามา โดยสหรัฐเปิดทางการเจรจาคลี่คลายสงครามการค้ากับจีนรอบใหม่ ขณะที่สถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนขึ้น

หลังการออกกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันฝุ่นตลบ

ดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ พุ่งทะยานเป็นเส้นกราฟที่สูงชัน วิ่งม้วนเดียวตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งปิดตลาดเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนปิดที่ 1,717.96 จุด เพิ่มขึ้น 38.57 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.30 % เคาะซื้อเคาะขายกันสนั่น 78,999.35 ล้านบาท และยังลุยกันต่อในวันศุกร์ที่ 14 กันยายน

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมหรือมาร์เก็ตแคปเพียงวันเดียว พุ่งขึ้นเกือบ 4 แสนล้านบาท

ข่าวดีชิ้นใหญ่ของตลาด น้ำหนักน่าจะอยู่ที่การออกกฎหมายลูก 2 ฉบับ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ไม่เกิน 24 พฤษภาคม 2562 มีเลือกตั้งแน่

และประเทศจะกลับสู่ระบบประชาธิปไตย นักลงทุนต่างชาติที่ชะลอการลงทุน จะกลับเข้ามาใหม่ แนวโน้มตลาดหุ้นจึงสดใสขึ้น

และต่างชาติที่ขายหุ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยมียอดขายสุทธิสะสมกว่า 2.1 แสนล้านบาท ทยอยกลับเข้ามาซื้อแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ปัจจัยทางการเมืองมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของต่างชาติ เมื่อมีแนวโน้มการเลือกตั้งแน่ จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุน

ฝ่ายวิเคราะห์ของบริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งกำลังเตรียมปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นอีกครั้ง โดยช่วงต้นปีหลายโบรกเกอร์ประเมินกันว่า ดัชนีหุ้นสิ้นปีจะอยู่ที่ประมาณ 1,900 จุด ก่อนจะปรับลดลง เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ล่าสุดประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นตัวเลขเฉลี่ยของหลายโบรกเกอร์อยู่ที่ประมาณ 1,790 จุด แต่อาจปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 50 จุด เพราะการเลือกตั้งมีความชัดเจน

ใครที่อ้างว่า สถานการณ์การเมืองไม่มีผลกระทบกับตลาดหุ้น และการปกครองโดยรัฐบาลทหารกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย จะไม่มีต่อการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ คงต้องปรับทัศนคติใหม่ เพราะเห็นแล้วว่า เมื่อบรรยากาศการเมืองปลอดโปร่ง บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นกลับมาสดใสทันที

จากสถิติในอดีต ช่วงก่อนเลือกตั้ง 6 เดือน หุ้นมักจะขยับขึ้น แม้เปอร์เซนต์การขึ้นจะไม่มากก็ตาม ส่วนในวันเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ หุ้นก็ยังขยับขึ้นอยู่ ซึ่งยึดตามสถิติแล้ว แนวโน้มใหญ่ตลาดหุ้นจากนี้ ภาพโดยรวมแล้วเป็นขาขึ้น ถ้าการเมืองไม่พลิกผันอีก และไม่น่าจะมีอะไรพลิกผัน โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ไม่ควรเกินเดือนพฤษภาคม 2562

แต่แนวโน้มระยะสั้น คงต้องรอดูท่าทีของนักลงทุนต่างชาติว่า จะกลับมาไล่เก็บหุ้นตุนรับการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะถ้าต่างชาติกลับมา จะเป็นแรงส่งให้ดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นได้ต่อเนื่อง

ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาหรือไม่ หรือใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดต่อไป ยังคาดเดากันลำบาก แต่สถาบันการลงทุนต่างชาติบางสำนักไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเมืองหลังการเลือกตั้งเท่าใดนัก โดยพิจารณาจากสัญลักษณ์ทางการเมืองมากกว่า

ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ถ้าเป็นเผด็จการ กองทุนต่างชาติส่วนหนึ่ง จะไม่เข้ามาลงทุน และทำให้เงินทุนบางส่วนหายจากตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่จากการรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แต่กองทุนที่กำหนดเงื่อนไข ไม่ลงทุนในประเทศที่ปกครองด้วยระบบเผด็จการ จะกลับมาเมื่อมีการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มสดใสขึ้น หลังการเลือกตั้งมีความชัดเจน แต่ยังมีตัวแปรสงครามการค้าจีน-สหรัฐ การโจมตีค่าเงิน และเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังซบเซา เป็นปัจจัยเสี่ยงการลงทุนอยู่

นักลงทุนจึงมองโลกในแง่ดีไม่ได้ เพราะความชัดเจนในการเลือกตั้ง เป็นข่าวดีที่พิสูจน์ทราบไปแล้ว แต่ข่าวร้ายทั้งภายในและภายนอกยังคุกรุ่นอยู่

จึงเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจทุ่มลงทุนสุดตัวในตลาดหุ้น

หมายเหตุ 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี พ.ศ 2561 

                 2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com


ศักดิ์