ห้องเม่าปีกเหล็ก

SCBX ตั้งรับวิกฤติ

โดย GREEN WAY
เผยแพร่ :
99 views

SCBX ตั้งรับวิกฤติ เตรียมแผนระยะสั้น-ยาว รับมือความไม่แน่นอน

SCBX รับเศรษฐกิจไทยปีนี้วิกฤติหนักกว่าทุกปี จากเศรษฐกิจไม่โตนาน15-20ปี แม้ไม่มีภาษีทรัมป์ เร่งเตรียมแผนระยะสั้น-ยาว รับความไม่แน่นอน ยัน 3ธุรกิจหลัก ยังโตตามเป้า 

“เศรษฐกิจไทย”อยู่ท่ามกลางความอ่อนแอต่อเนื่อง แม้จะไม่มีแรงกระแทกจากต่างประเทศ จากนโยบายภาษี “ทรัมป์” เศรษฐกิจไทยก็อยู่ในจุดที่อ่อนแอเรื้อรัง  หลายธุรกิจเผชิญความเปราะบางมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ประคับประคองตัวให้รอดในสถานการณ์วิกฤติ แต่สิ่งที่สำคัญ “ธุรกิจ”ต้องทำ คือเตรียมทั้งแผนระยะสั้น และระยะยาว เพื่อเอาตัวรอดท่ามกลางความไม่แน่นอน จากเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นต่อหลังจากนี้

นายอารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือSCBX เปิดเผยว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้ถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว และหนักกว่าทุกปี บวกกับเศรษฐกิจมีความเปราะบางอยู่เดิม จากการที่เศรษฐกิจไทยไม่มีการเติบโตมานานถึง 15-20ปี ทำให้ประเทศไม่แข็งแรง แม้ว่าจะไม่มีเรื่องของภาษีสหรัฐฯเข้ามา เศรษฐกิจไทยก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ต่อเนื่อง 

 

ดังนั้นภายใต้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทย ในมุมของ “เอสซีบีเอกซ์” ต้องเตรียมแผนรับมือให้พร้อม โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ “แผนระยะสั้น”  ที่เอสซีบีเอกซ์ ต้องมุ่งดูแลธุรกิจให้แข็งแรง ผ่านการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยควบคู่กัน   

โดยมุ่งเน้น ในเรื่องของความเสี่ยง ที่บริษัทให้ความสำคัญกับการคุมเรื่องของคุณภาพหนี้เป็นหลัก แม้ที่ผ่านมาบริษัทฯในกลุ่มไม่ได้ชะลอการลงทุน แต่ยังคงเน้นปล่อยสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) 

นอกจากนี้ เอสซีบีเอกซ์ ยังต้องมีแผนรับมือ “ระยะยาว” ผ่านการเตรียมดูแลต้นทุนทางการเงินให้ดี โดยนำเทคโนโลยีด้าน AI มาใช้มากขึ้น  โดยกลุ่มธุรกิจในยังคงมีเป้าหมายไปสู่ “บริษัทเทคโนโลยีการเงินของภูมิภาค” 

“SCBXภายใต้โครงสร้างใหม่สู่กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน ที่ครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจบริการทางการเงินดิจิทัลและสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี รวมถึง Climate Technology เพื่อมุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค ผ่านโครงสร้างดังกล่าวตลอดกว่า 3ปีที่ผ่านมา พร้อมกับได้เรียนรู้ด้านต่างๆต่อเนื่อง”  

นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แต่การดำเนินธุรกิจของ “เอสซีบีเอกซ์”  ยังคงมุ่งมั่นในธุรกิจทั้ง3 เจเนอเรชั่นของกลุ่ม โดยมั่นใจว่าปีนี้ การเติบโตจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ในแน่นอน แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ ออกมาแย่กว่า ช่วงปีที่ผ่านมาก็ตาม 

โดยรวมธุรกิจทั้ง 3 เจเนอเรชั่นที่เติบโตได้ดี โดยเฉพาะในธุรกิจ Gen1 คือ ธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิม คือธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่บริการการจัดการทางการเงินและประกันภัยที่เกี่ยวข้องภายใต้ธุรกิจใน Gen1  ที่ยังเป็นเบอร์1 ในการสร้างกำไรให้กับกลุ่มเอสซีบีเอกซ์เป็นหลัก 

เช่นเดียวกับ ธุรกิจ Gen 2 ที่เกี่ยวกับธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและบริการทางการเงินดิจิทัล ได้แก่ บริษัทคาร์ด เอกซ์ จำกัด (บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน) บริษัทออโต้ เอกซ์ จำกัด  (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) บริษัทมันนิกซ์ จำกัด  (สินเชื่อดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน FINNIX) บริษัทอบาคัส ดิจิทัล จำกัด  (สินเชื่อดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน Money Thunder) และบริษัทอัลฟา เอกซ์ จำกัด  (สินเชื่อเพื่อสินค้าลักชัวรี่) ที่เติบโตต่อเนื่อง 

ขณะที่ธุรกิจใน Gen3 คือ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด(InonvestX)  ที่ผ่านที่ยังสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มอย่างมั่นคง เช่นเดียวกับ บริษัทเอสซีบี เทคเอกซ์ จำกัด( TechX) ที่ช่วยตอกย้ำบทบาทการเป็นผู้นำในด้านโซลูชันเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับเอสซีบีเอกซ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึง บริษัทพอยท์เอกซ์ จำกัด(PointX) ที่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน PointXอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้ามหายเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าอย่างรอบด้าน ผ่านการทำงานอย่างไร้รอยต่อ

สำหรับธุรกิจธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) หลังจากที่บริษัทได้รับคัดเลือกติด 1 ใน3 ให้สามารถเดินหน้าการจัดตั้ง Virtual Bank นั้น  ดร.อารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งทีม จัดตั้งระบบ ฯลฯ โดยมีระยะเวลาในการจัดตั้ง 1 ปี หากกระบวนการทุกอย่างแล้วเสร็จธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง จะเข้ามาตรวจสอบ หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ธปท.และคลังเห็นชอบ ก็พร้อมเดินหน้าทันที

 

 

ที่มา…  https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1189795

 


GREEN WAY