ตามคาด!!! CP คว้าโปรเจกสร้างรถไฟฟ้าเชื่อมสามสนามบิน
สิ้นสุดการรอคอย... หลัง รฟท. เปิดเผย ใกล้ได้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มซีพี ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา โดยคาดการณ์ว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือนพฤษภาคม 2562 นี้
ที่มารูปภาพ: http://www.realist.co.th/
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู่ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกโครงการก่อสสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มูลค่าโครงการกว่า 2.2 แสนล้านบาท กับกลุ่มซีพี และพันธมิตร ว่าการเจรจาเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงใกล้บรรลุข้อตกลงแล้ว เหลือเพียงการเจรจาข้อปลีกย่อยและขัดเกลาถ้อยคำในสัญญา ซึ่งคาดการณ์ว่า จะสามารถได้ข้อสรุปทั้งหมดภายในสองสัปดาห์นี้
กุญแจสำคัญที่ทำให้บรรลุข้อตกลง
จากที่การประชุมยืดเยื้อระหว่าง รฟท. และกลุ่มซีพี มาเป็นระยะเวลานานในการกำหนดเนื้อหาในสัญญาโครงการการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งกลุ่มซีพีได้ยื่นข้อเสนอและเงื่อนไขพิเศษที่อยู่นอกเหนือจากกรอบทีโออาร์จำนวน 12 ข้อ ให้ รฟท. พิจารณา ทำให้การเจรจาดังกล่าว ยังไม่ได้ข้อสรุป
ล่าสุด กลุ่มซีพี ได้ “ยอมถอน” ข้อเสนอและเงื่อนไขพิเศษทั้งหมด ตามมติของคณะกรรมการคัดเลือกแล้ว โดยไม่มีประเด็นเพิ่มเติมที่จะนำเสนออีก จึงทำให้ข้อตกลงระหว่าง รฟท. และกลุ่มซีพี สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ ข้อเสนอและเงื่อนไขพิเศษที่สำคัญๆ ที่กลุ่มซีพีได้ถอนไป ตัวอย่างเช่น (1) ขอขยายโครงการจาก 50 ปี เป็น 99 ปี (2) ขอให้รัฐการันตีผลตอบแทนที่ IRR 6.75%/ปี (3) ขอให้รัฐบาลค้ำประกัน รฟท. ถ้าหากโครงการมีปัญหาในภายหลัง (4) ขอให้รัฐบาลสนับสนุนจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่ระดับ 4% ให้กับโครงการ เป็นต้น
ขั้นตอนการลงนามสัญญา
ต่อจากนี้ รฟท. และกลุ่มซีพี จะมีการหารือในรายละเอียดปลีกย่อยในสัญญา และคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสองสัปดาห์ และ รฟท. จึงจะนำสัญญาดังกล่าวส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา หลังจากนั้น จะนำเสนอต่อคณะกรรมการอีอีซีพิจารณาเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมติต่อไป ทั้งนี่ ในกระบวนการทั้งหมด รฟท. คาดการณ์ว่าจะสามารถลงนามสัญญากับกลุ่มซีพีได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 นี้
กลุ่มและหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการก่อสร้างรถไฟฟ้า
แน่นอนว่า กลุ่มซีพี และพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วน 70%, บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) และ บมจ. ช.การช่าง (CK) ถือหุ้นรวมกัน 15%, กลุ่ม China Railway Construction Corporation Limited (จากสาธารณรัฐประชาชนจีน) หรือ CRCC ถือหุ้น 10% และ บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ถือหุ้น 5% รวมแล้ว 100% จะได้รับประโยชน์จากการได้บรรลุข้อตกลงก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงในครั้งนี้ นอกจากนี้ ก็ยังมีบริษัทที่จะได้รับประโยชน์ในทางอ้อม เช่น กลุ่มในธุรกิจการท่องเที่ยว การโรงแรม, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น