ห้องเม่าปีกเหล็ก

จีน 'ฟื้นจริง' หรือแค่ภาพลวง?

โดย ม้าสีหมอก
เผยแพร่ :
40 views

จีน 'ฟื้นจริง' หรือแค่ภาพลวง? หลังหลายแบรนด์ตะวันตก เริ่มเห็นยอดขายโต

 

  • ผู้บริหารบริษัทชาติตะวันตกเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีนหลังซบเซามานาน
  • แบรนด์ใหญ่อย่าง Estée Lauder, LVMH, และ Adidas ต่างรายงานยอดขายที่เติบโตขึ้นในไตรมาสล่าสุด
  • อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานตัวเลขที่ต่ำของปีก่อนหน้าและภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ
  • วิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งความเชื่อมั่นและการบริโภคโดยรวม
  • แม้จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ผู้บริหารส่วนใหญ่ยังคงมีท่าทีระมัดระวังและมองว่าการฟื้นตัวเต็มที่ยังต้องใช้เวลา

 

ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยักษ์ใหญ่จากชาติตะวันตกที่ดำเนินธุรกิจในจีน เริ่มเห็น "สัญญาณการฟื้นตัว" ของการจับจ่ายใช้สอยในตลาด หลังจากที่ซบเซาต่อเนื่องมานาน แม้ว่าภาพรวมจะยังคงมีท่าทีระมัดระวังอยู่ก็ตาม

สเตฟาน เดอ ลา ฟาเวอรี ซีอีโอของ Estée Lauder ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "ตอนนี้เริ่มมีแรงขับเคลื่อนบางอย่าง ตลาดเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง" ปีนี้เขาเดินทางไปจีนถึงสามครั้ง เพื่อดูแลหน่วยธุรกิจสำคัญที่จำหน่ายแบรนด์หรู เช่น La Mer, Tom Ford Beauty และ Le Labo นอกจากนี้ เขายังเพิ่มการใช้งานศูนย์วิจัยในเซี่ยงไฮ้ และขยายร้านค้าแบบป๊อปอัพในไห่หนาน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าชมมากกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาแสดงความระมัดระวังและยังไม่กล้าประกาศว่าตลาดจีนฟื้นตัวเต็มที่ โดยย้ำว่า "เรายังต้องระมัดระวังอยู่"

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายบริษัทจากอเมริกาเหนือและยุโรปก็เริ่มเห็นผลลัพธ์เชิงบวกในตลาดจีนเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ยอดขายของ Estée Lauder เพิ่มขึ้น 9% ในไตรมาสล่าสุด ขณะที่ L’Oreal เติบโตขึ้น 3% ด้าน LVMH ก็ชี้ว่า จีนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง ขณะที่ Adidas มียอดขายเติบโตในระดับเลขสองหลัก และ Crocs มียอดขายพุ่งสูงกว่า 20%

อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กเผยว่า การเติบโตของยอดขายเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานตัวเลขของปี 2024 ที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงภาวะเงินเฟ้อต่ำที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ยิ่งไปกว่านั้น วิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังซ้ำเติมให้การบริโภคซบเซาลงไปอีก หลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มได้ผลน้อยลง ทั้งแบรนด์หรูและแบรนด์ทั่วไป (แบรนด์แมส) ในจีนต่างประสบปัญหายอดขายลดลงในสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไปจนถึงกระเป๋าและเบียร์ ขณะเดียวกัน การแข่งขันด้านราคาและโปรโมชั่นก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก แม้ว่าทางการจะเคยเรียกร้องให้ยุติการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมก็ตาม

ทางการปักกิ่งประกาศแผนจะเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก แต่ภารกิจนี้เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงมีความไม่แน่นอน และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ก็ยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย มิเชล เชง หัวหน้าฝ่ายวิจัยผู้บริโภคเอเชียของ Goldman Sachs กล่าวว่า 

"ยังต้องจับตาดูว่าการฟื้นตัวนี้จะยั่งยืนหรือไม่ เพราะความมั่งคั่งและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจีน ยังคงผูกติดอยู่กับภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตอนนี้ยังอ่อนแออยู่มาก"

 

แม้ว่าผู้บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งจะเริ่มมองตลาดจีนในแง่ดีขึ้น แต่พวกเขาก็ยังคงเตือนว่า การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในระยะยาวยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ผู้บริหารของ LVMH แจ้งแก่นักลงทุนเมื่อเดือนตุลาคมว่า แบรนด์ในเครือทั้งหมดมีพัฒนาการที่ดีในจีน โดยเฉพาะ Louis Vuitton ซึ่งเพิ่งเปิดแฟลกชิปสโตร์ขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ พร้อมทั้งมีร้านอาหารและนิทรรศการศิลปะภายในร้าน เซซิล คาบานีส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH กล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า

 "จริงอยู่ที่ Vuitton ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมาก แต่เรามองว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าตลาดจีนโดยรวมจะกลับมาเต็มที่"

สำหรับ Adidas ซีอีโอ บียอร์น กูลเดน กล่าวว่าค่อนข้างความพอใจต่อทิศทางธุรกิจในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้ารองเท้าบาสเกตบอลที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ด้านนิโคลา ฮิโรนิมุส ซีอีโอของ L’Oreal เตือนนักลงทุนไม่ให้ตื่นเต้นกับตัวเลขมากเกินไป แม้จะยอมรับว่าเห็น "สัญญาณความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจีนที่ดีขึ้นเล็กน้อย" และตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ โดย L’Oreal มียอดขายเติบโตในหลายช่องทาง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าหรูหรา เขากล่าวสรุปว่า "ผมยังระวังเรื่องตลาดจีนอยู่เสมอ แต่โดยรวมแล้ว ตอนนี้ตลาดกลับมาอยู่ในทิศทางที่เป็นบวกอีกครั้ง"

 

 

ที่มา…  https://www.bangkokbiznews.com/world/1206081

 


ม้าสีหมอก