ห้องเม่าปีกเหล็ก

ฝรั่งทิ้งหุ้นขนเงินกลับบ้าน

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
100 views

ตลาดหุ้นสหรัฐถูกถล่มหนัดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทรุดนับร้อยจุด ติดต่อมาหลายวันแล้ว โดยนักลงทุนย้ายออกจากหุ้น โยกไปลงทุนในพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี ซึ่งผลตอบแทนพุ่งขึ้นระดับ 3.413 % ต่อปี และถือเป็นอัตราผลตอบแทนสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ทะยานขึ้น เป็นผลพวงจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ที่ขยับไม่หยุด โดยล่าสุดยืนอยู่ที่ 2.25 % และมีแนวโน้มว่า ในปีนี้อาจขยับขึ้นอีกครั้งในอัตรา 0.25 % ส่วนปีหน้าอาจขยับอีก 3 ครั้ง

การเปลี่ยนแปลงทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ มีผลโดยตรงต่อตลาดหุ้น หากดอกเบี้ยมีแนวโน้มลง ตลาดหุ้นจะมีแนวโน้มในฝรั่งตรงข้าม โดยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แต่ถ้าดอกเบี้ยมีทิศทางขาขึ้น ตลาดหุ้นจะมีแนวโน้มปรับตัวลง เพราะนักลงทุนจะย้ายเงินไปสู่ช่องทางที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

ตลาดหุ้นไทยแม้จะห่างไกลจากสหรัฐ แต่ผลกระทบเดินทางเข้ามาถึง โดยปรากฏการณ์ขายหุ้นของต่างชาติ เกิดจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ โดยนักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้น ขนเงินกลับไปสหรัฐ เพราะการลงทุนในสหรัฐ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่า

ต่างชาติขายหุ้นสุทธินับตั้งแต่ต้นปี จนสิ้นสุดวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา มียอดรวมแล้วกว่า 219,927.09 ล้านบาท

การเทขายหุ้นของต่างชาติ ทำให้ดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์ทรุดตัวลงจากต้นปีที่สามารถพุ่งขึ้นทะลุ 1,852 จุด โดยช่วงนี้เคลื่อนไหวในระดับ 1,700 ต้น ๆ นอกจากนั้น ยังทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัว จนใกล้จะแตะ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ หรือแม้แต่อัตราดอกเบี้ยธนคารกลางสหรัฐ แตกต่างจากอัตราดอกเบี้ยของไทย โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยยืนอยู่ที่ 1.50 % และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่คงทน เพราะตรึงมายาวนานแล้ว และมีความพยายามที่จะตรึงต่อไป อย่างน้อยยังไม่ขึ้นในปีนี้

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1 ปี ยืนอยู่ประมาณ 1.50 % ต่อไป ซึ่งเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในอัตรา 3.413 % ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐที่ 2.25 % ต้องถือว่า ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยของไทยไม่จูงใจ และเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เงินทุนไหลออก

แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย แต่รัฐบาลแสดงท่าทีคัดค้าน และต้องการตรึงดอกเบี้ยต่อไป

รัฐบาลประกาศปาว ๆ ว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้น จีดีพีเติบโตอัตราที่ดี แต่ทำไมไม่ยอมปล่อยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ย

แต่ถึงพยายามจะตรึงดอกเบี้ยไว้ แต่จะตรึงได้อีกนานเท่าใด ในเมื่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกเป็นขาขึ้น ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทย ห่างกันมากขึ้น กระตุ้นให้เงินทุนไหลออกโดยไม่หยุดยั้ง และไม่มีเงินทุนก้อนใหม่ไหลเข้ามา

ตลาดหุ้นที่ซบเซาอย่างยืดเยื้อ ดัชนี ฯ ไม่อาจขยับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,800 จุดได้ เป็นผลโดยตรงจากการไหลออกของเงินทุน ซึ่งอาจดำเนินต่อไป โดยต่างชาติขายหุ้นไม่เลิก และถ้านักลงทุนในประเทศรับแรงขายต่างชาติไม่อยู่

ดัชนี ฯ จะมีโอกาสซึมต่อไป หรือทรุดลง ถ้ามีปัจจัยลบพุ่งเข้ากระทบซ้ำเติม

นโยบายตรึงดอกเบี้ยของไทย ปีหน้าคงรั้งไม่ไหว และต้องผ่อนคลาย โดยขยับดอกเบี้ยขึ้น เพื่อไม่ให้ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยสหรัฐกับดอกเบี้ยไทยถ่างมากเกินไป และดอกเบี้ยขยับขึ้นก็อาจส่งผลกระทบกับตลาดหุ้น

ประเมินแนวโน้มหุ้นทั้งระยะสั้นหรือช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ หรือมองแนวโน้มระยะยาวถึงปีหน้าคงไม่สดใสเท่าใด

การทำมาหากินในตลาดหุ้น เข้าสู่ยุคฝืดเคืองเต็มตัว จนนักลงทุนอาจต้องเปลี่ยนอาชีพกันบ้างละ

หมายเหตุ 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 

                 2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com


ศักดิ์