ห้องเม่าปีกเหล็ก

กูรูแนะเสริมน้ำหนักหุ้น “กลุ่มเทคฯ” ในพอร์ต

โดย อะตอม
เผยแพร่ :
155 views

กูรูแนะเสริมน้ำหนักหุ้น “กลุ่มเทคฯ” ในพอร์ต

หลังเข้าตาทั้งนักลงทุนไทย-ต่างชาติ

 

.

หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยียังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ได้รับกระแสนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก ล่าสุดนักวิเคราะห์ออกมาระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นโลก นักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้น Growth ต่อเนื่อง ส่วนตลาดหุ้นไทยก็เห็นภาพชัดว่านักลงทุนเอนเอียงน้ำหนักมาที่หุ้นเทคโนโลยีเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนสายนี้จะต้องเตรียมตัวอย่างไร บทความนี้มีคำตอบแล้ว

.

สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส จำกัด มีความเห็นว่า นักลงทุนเอนเอียงน้ำหนักมาที่หุ้น เทคโนโลยีทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยภาพรวมตลาดหุ้นโลก นักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้น Growth ต่อเนื่อง ซึ่งในปี 66 MSCI World Growth ปรับตัวขึ้นมาแรงถึง 12.5% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (Outperform กว่า MSCI World Value บวก4.2%)

.

โดยเฉพาะกลุ่ม IT บวก 15.7%นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน, Consumer Discretionary บวก 15.2%นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน, Communication 13.5%นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น

.

กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยก็เห็นภาพชัดว่านักลงทุนเอนเอียงน้ำหนักมาที่หุ้นเทคโนโลยีเช่นกัน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 5% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน สูงสุดเมื่ออุตสาหกรรมอื่นทั้งหมด ขณะที่ SET Index ที่ปรับตัวลง 1.27%

.

และอุตสาหกรรม เทคโนโลยียังมีสัดส่วน Market Cap เทียบตลาด 14.5% และสัดส่วน Market Cap มาจากหุ้น DELTA 5.6% ซึ่งมีแรงหนุนสั้นๆ จากกระแสแตกพาร์ 1 บาท มาเป็น 0.1 บาท ปกติหุ้นมักปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว 6.25% ก่อนแตกพาร์ 30 วัน (การแตกพาร์ไม่ได้ส่งผลต่อปัจจัยทางพื้นฐาน)

.

ดังนั้น สรุปคือ ปัจจุบันนักลงทุนเอนเอียงน้ำหนักการลงทุนมาที่หุ้น เทคโนโลยีทั้งในต่างประเทศและไทยมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเสริมน้ำหนักหุ้น เทคโนโลยี ในพอร์ต อาทิ ADVANC, DIF, INSET, AIT, KCE, HANA, SMT โดยฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบ ADVANC มากสุด

.

สำรวจปัจจัยพื้นฐาน 7 หุ้นดังกล่าว

นักวิเคราะห์ค่ายเดียวกันระบุว่า ADVANC ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2566 – 2567 ขึ้นจากเดิม 5% และ 4%ตามลำดับ เพื่อสะท้อนกำไรงวดไตรมาส 4/65 ที่ออกมาดีกว่าคาด และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทสำหรับปี 2566 ที่ตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตในระดับ 3 - 5% และการใช้งบลงทุนสำหรับปี 2566 ที่ 2.6 – 3.0 หมื่นล้านบาท

.

โดยภายใต้ประมาณการใหม่ ราคาเป้าหมายปรับเพิ่มจาก 239 บาท เป็น 243 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ADVANC เนื่องจาก 1.ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไรไตรมาส 4/65 ที่ออกมาดี , 2. คาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งตั้งแต่ปี 2566 ในอัตรา 8%,

.

3.ปันผลที่ยังจูงใจสำหรับงวดครึ่งกลังปี 65 โดยประกาศจ่ายแล้วที่ 4.24 บาท/หุ้น (XD วันที่ 22 ก.พ. 2566) หรือ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากปันผลที่อัตรา 2.1% ส่วนปี 2566 คาดที่ 3.9% และ 4.ยังมีupside จากการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯที่ยังไม่รวมในประมาณการ

.

ต่อมา DIF นักวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน มีความเห็นว่า แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 14 บาท เนื่องจากมองว่ากองทุนยังสามารถจ่ายเงินปันผลที่ให้อัตราผลตอบแทนสม่ำเสมอต่อปีราว 7% สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ และต้านทานอัตราเงินเฟ้อได้ดี และหลังจาก TRUE รวมกับ DTAC สำเร็จคาดว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า กองทุนอาจมีโอกาสลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินประเภทเสาโทรคมนาคม

.

ส่วน INSET นักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า INSET ยังมีลุ้นงานขนาดใหญ่อื่นๆที่จะทยอยเข้าสู่ตลาดจาก National Telecom (NT) ที่วางแผนการลงทุนหลายพันล้านบาท มูลค่างานเหล่านี้ (รวมถึงงาน Data Center) แต่ละงานอยู่ที่ราว 500-1000 ล้านบาทต่องาน เทียบกับรายได้ของ INSET ในปี 2565 ที่ 1.3 พันล้านบาท ทำให้ปี 66 จะเป็นปีทองที่ INSET จะได้โอกาสเพิ่ม Backlogs สำหรับการเติบโตรอบใหญ่ จึงคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 4.70 บาทต่อหุ้น คงคำ แนะนำ “ซื้อ”

.

KCE นักวิเคราะห์บล. โนมูระ พัฒนสิน มีความเห็นว่า แนะนำรอทยอยสะสม หรือ ถือ ราคาเป้าหมาย 48 บาท ลดจากเดิม 49 บาท รอให้ราคาหุ้นสะท้อนแนวโน้มกำไรสุทธิอ่อนตัวในไตรมาส 1/66 และความกังวลผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่า แล้วค่อยทยอยสะสมลงทุน

.

ทั้งนี้เพราะผู้บริหารไม่ได้กังวลเพิ่มในเรื่องการชะลอตัวของอุตฯรถยนต์และอิเลคทรอนิคส์ และยังคาดหวังราคาวัตถุดิบลดลงช่วยให้มาร์จิ้นในปี 66 ไม่แย่มาก น่าจะเป็นเพราะ KCE หันไปโฟกัส HDI PCB ซึ่งยังมีความต้องการเติบโต จะมีมาร์จิ้นสูงกว่าพีซีบีธรรมดา สำหรับระยะยาวกลุ่มรถอีวียังมีการเติบโตได้อีกทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ดังนั้นการเติบโตระยะยาวของ KCE ยังอยู่กับอุตฯที่สดใส ทั้งนี้ยอดขายราว 60-65% ของ KCE มาจากอุตฯรถยนต์

.

HANA นักวิเคราะห์บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท แม้ในระยะสั้นหุ้นอาจจะถูกกดดันจากผลประกอบการที่ไม่เด่น แต่มุมมองในระยะยาว มองว่าน่าสนใจ ปี 66 เป็นปีของการกลับมาสะสมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานดีที่มีความสามารถจะผ่านวิกฤติไปได้ และมีประเด็นการเติบโตที่น่าสนใจในระยะยาว จึงเลือก HANA เป็นตัวแทนการลงทุนดังกล่าว

.

SMT นักวิเคราะห์บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท โดยประมาณการปี 66 ของฝ่ายวิจัยคาดการเติบโตของรายได้ 15% ต่ำกว่า Guidance ของบริษัทที่คาดโต 30% สะท้อนมุมมองอย่างระมัดระวังต่อการเติบโตของยอดขายที่มีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากยอดขายช่วงครึ่งหลังปี 65 ที่เติบโตเด่นจากครึ่งแรก หากบริษัท ขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มประมาณการยอดขายขึ้นในระยะถัดไป

 

 


อะตอม