ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดอนาคต 4 หุ้นอสังหาฯ ปี 65 จะเติบโตได้แค่ไหน

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
62 views

เปิดอนาคต 4 หุ้นอสังหาฯ ปี 65 จะเติบโตได้แค่ไหน

ปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังโดนกดดันจากการระบาดของ Covid-19 ที่ยังทวีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 3/64 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นแตะระดับ 23,000 รายต่อวัน จนรัฐบาลต้องใช้มาตรการควบคุมการระบาดเข้มงวด ทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การฟื้นตัวของภาคธุรกิจ รวมถึงตลาดอสังหาฯ ต้องถูกเลื่อนออกไป


แต่ยังมีปัจจัยเข้ามากระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯ คึกคักได้บ้าง โดยช่วงสิ้นปีธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์ LTV ไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและพยุงการจ้างงาน ผ่านธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก โดยเฉพาะเม็ดเงินจากกลุ่มที่มีฐานะทางการเงินเข้มแข็งหรือรองรับการก่อหนี้เพิ่มได้ ดังนั้นปี 2565 จึงเป็นปีที่ธุรกิจอสังหาฯ ถูกคาดหวังว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น ซึ่งวันนี้ Wealthy Thai ก็มีแนวโน้มการเติบโตของหุ้นอสังหาฯ ที่น่าสนใจมาฝาก



ตลาดอสังหาฯ จะกลับสู่ภาวะปกติ

โดยฝ่ายวิจัยของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภายใต้ข้อสมติฐานเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโต 3% และไม่มีการระบาดของโรค Covid-19 ระลอกใหม่ ตลาดอสังหาฯ จะสามารถกลับมาอยู่ที่ระดับ 34% ซึ่งต่ำกว่าปี 2561 แต่สูงกว่าปี 2562 หรือก่อนการระบาดของ Covid-19 เล็กน้อย จากข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่าความต้องการขายสินค้า (อุปทาน) ส่วนเพิ่มในแต่ละปี ตั้งแต่ปี 2555-2562 จะอยู่ในช่วงประมาณ 110,000-130,000 หน่วยต่อปี แต่ในปี 2565 คาดว่าอุปทานน่าจะอยู่ในช่วง 90,000-100,000 หน่วย ทั้งนี้ จากการประเมินจากแบบจำลอง พบว่ามีความเป็นไปได้ที่ภาวะการขายจะกลับมาที่ 100,000 หน่วยได้อีกครั้ง หรือตลาดมีแนวโน้มจะกลับไปสู่ปี 2562 หรือปีก่อนเกิดการระบาด


อย่างไรก็ตาม แม้ประเมินว่าตลาดอสังหาฯ จะกลับมาฟื้นตัว แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และราคาน้ำมันที่ผันผวน ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อการค้าระหว่างประเทศ แม้การส่งออกยังขยายตัวได้ก็ตาม



ORI – SC – SPALI คาดปีนี้กำไรนิวไฮ

หลังจากประเมินภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ไปแล้ว มาดูแนวโน้มการเติบโตของ 4 หุ้นอสังหาฯ ที่น่าสนใจกันบ้าง โดยเริ่มที่ ORI หรือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ประเมินปี 2565 กำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ 3.6 พันล้านบาท หรือเติบโต 14% จากการโอนคอนโดใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการ Park Origin ขนาดใหญ่ ทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ ทองหล่อ, ราชเทวี และจุฬา-สามย่าน ซึ่งจะเริ่มทยอยโอนตั้งแต่ไตรมาส 1/65 รวมถึงรายได้จากแนวราบที่สูงขึ้น ตามการเปิดโครงการใหม่ นอกจากนั้น กำไรสุทธิจะยังมีโอกาส upside ได้อีก จากธุรกิจอื่นที่เป็น recurring income ที่จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ One Origin (โรงแรม, service apartment, community mall, อาคารสำนักงาน) ที่จะฟื้นตัวดีขึ้น และธุรกิจใหม่ที่ฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่ได้รวมในประมาณการ ได้แก่ ธุรกิจ healthcare, logistics (ALPHA ร่วมทุนกับ JWD), AMC, insurance broker และ Energy (ร่วมทุนกับ GUNKUL) ที่มีโอกาส upside ต่อกำไรในปี 2565ได้อีกราว 200 ล้านบาท ด้าน valuation ยังน่าสนใจ เทรดที่ 2565 PER 7.8 เท่า เทียบเท่า PER เฉลี่ย 5 ปี และยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท


ถัดมา SC หรือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ปีนี้ SC จะเริ่มรับรู้คอนโดใหม่ 3 แห่ง ประกอบด้วยโครงการ SC 2 แห่ง เริ่มโอนไตรมาส 3/65 อย่าง SCOPE Langsuan มูลค่า 8.3 พันล้านบาท (ยอดขาย 35%) และ SCOPE Promsri มูลค่า 1 พันล้านบาท (ยอดขาย 36%) รวมถึงคอนโด JV 1 แห่งในไตรมาส 4/65 อย่าง The Crest Park Residence มูลค่า 3.1 พันล้านบาท (ยอดขาย 15%) นอกจากนี้ ยัวมีแผนรุกเปิดโครงการอย่าง Aggressive หลักๆ ยังเป็นแนวราบ เบื้องตันมูลค่า 2 หมื่นล้านบ่าท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ เน้น High-End ราคามากกว่า 10 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดจะสร้างยอดขายได้ดีต่อเนื่อง จากตลาดที่อุปสงค์แข็งแกร่ง และ SC ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ถึง 17% รวมถึงยังได้อานิสงส์จากการผ่อนคลาย LTV ที่มีผลถึง 31 ธ.ค. 2565 ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 2.3 พันล้านบาท เติบโต 10% ทำ New High บนยอดโอนคาด 1.98 หมื่นล้านบาท เติบโต 9% ทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน บน Backlog รองรับแล้ว 20% โดยยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท


SPALI หรือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดผลประกอบการปีนี้ที่ 6.2 พันล้านบาท เติบโต 7.4% ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท จาก 1. สิ้นไตรมาส 3/64 มี Backlog ที่คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท จากโครงการแนวสูงที่คาดจะแล้วเสร็จพร้อมโอนกว่า 7 โครงการ โดยมี Highlight คือ Supalai Veranda Ramkamhaeng มูลค่า 6.1 พันล้านบาท มี (ยอดขายแล้ว 86%) และ Supalai Veranda Sukhumvit 117 มูลค่า 2.8 พันล้านบาท (มียอดขายแล้ว 58%) เป็นต้น, 2. การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และสถานการณ์ Covid-19 ที่คาดฟื้นตัวขึ้นจากปี 2564 คาดส่งผลบวกต่อยอดเยี่ยมชมโครงการและยอดขาย และ 3. คาด SPALI เป็นผู้ประกอบการที่จะได้รับผลประโยชน์จากการปลดล็อกเกณฑ์ LTV มากที่สุดในกลุ่มจากการที่ปัจจุบันมีสินค้าประเภท Available-for-sale สูงถึง 7.9 หมื่นล้านบาท (แบ่งเป็นแนวราบถึง 4.5 หมื่นลบ.) คงคำแนะนำ ซื้อ พร้อม Rollover ราคาเหมาะสมไปยังสิ้นปี 2565 ที่ 25.25 บาท



LH พอร์ตแนวราบแข็งแกร่ง

และสุดท้าย LH หรือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่นักวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2565 ที่ระดับ 3.0 หมื่นล้านบาท เติบโต 50.0% ประกอบด้วยโครงการแนวราบ 14 โครงการรวมมูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท และโครงการแนวสูงขนาดเล็กจำนวน 1 โครงการมูลค่า 820 ล้านบาท รวมถึงตั้งเป้า Presale และยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท โต 8.3% และ 3.3 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ หากอิงจากการเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่นและสถานการณ์ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron ในปัจจุบัน ฝ่ายวิเคราะห์คาดอุปสงค์โครงการแนวราบจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยังสิ้นปี 2565 เป็นอย่างน้อย จึงมีโอกาสสูงที่บริษัทจะทำยอด Presale และยอดโอนได้ตามเป้า นอกจากนี้ บริษัทได้มีการเข้าซื้อโรงแรมจำนวน 1 แห่งใน USA คือ The SpringHill Suites by Marriott มูลค่า 31 ล้านเหรียญ (ราว 1.0 พันลบ.) ในช่วงเดือน ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา และจะเริ่มเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้า Terminal 21 Rama 3 (มูลค่า 4.5 พันลบ.) และโรงแรม Grand Center Point Space Pattaya (มูลค่า 3.4 พันลบ.) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ธุรกิจเช่าและบริการกว่า 119% เป็น 3.8 พันล้านบาท จากปีก่อน โดยยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 10.20 บาท

 


บุปผาวดี