ห้องเม่าปีกเหล็ก

เกินต้านทาน

โดย dave
เผยแพร่ :
64 views

เกินต้านทาน

วันนี้คาดตลาด “ผันผวนอิงทางบวก” ประเมินแนวรับที่ 1,470 / 1,460 สำหรับแนวต้านอยู่ที่ 1,496 / 1,505 ตาม Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศรับความหวังแนวโน้มการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบของ COVID-19 ของสหรัฐ (Stimulus package) โดยคาดจะมีการแยกวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ 9.08 แสนล้านดอลลาร์ออกเป็น 2 ส่วน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส โดยฉบับที่ 1 สำหรับเยียวยาประชาชนที่ตกงานและธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 วงเงิน 7.48 แสนล้านดอลลาร์ และฉบับที่ 2 ช่วยเหลือมลรัฐต่างๆ วงเงิน 1.60 แสนล้านดอลลาร์

ผสานกับความคืบหน้าในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 หลังสหรัฐและอีกหลายประเทศอนุมัติใช้วัคซีนต้านไวรัส COVID-19 เป็นการฉุกเฉินและเริ่มทยอยฉีดให้ประชาชนแล้ว ผ่อนคลายความกังวลในการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยให้เศรษฐกิจโลกสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ตั้งแต่ต้นปีหน้า-กลางปีคาดจะเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ

ขณะที่การประชุม FOMC ของ FED ในวันนี้ โดยเราคาดว่า FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0-0.25% แต่น่าจะส่งสัญญาณการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มเพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวต่อเนื่องภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนกระแสเงินทุนส่วนเกินไหลเข้าได้ต่อในระยะถัดไป

รวมทั้งเมื่อคืนนี้ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.63 ดอลลาร์ หรือ +1.34% ปิดที่ 47.62 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันตามความหวังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด และปัจจัยบวกจากแนวโน้มการผ่านร่าง Stimulus package คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นพลังงานปรับตัวขึ้นหนุนทิศทางตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ต่อ

ทางด้านปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อกระแสตอบรับต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “คนละครึ่ง” Phase 2 คาดจะกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินได้ต่อไปจนถึงต้นปีหน้า เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อความหวังเศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวขึ้นดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นได้บ้างหลังปรับตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา จากทิศทาง Fundflow ไหลเข้าต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าตลาดในปัจจุบันค่อนข้างตึงตัวจากระดับ Fwd PE ของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับบริเวณ 18.5-19.0 เท่า รวมทั้ง Earning Yield Gap ระหว่าง SET เมื่อเปรียบเทียบกับ US Bond Yield 10 ปี เท่ากับ 4.5%+/- ซึ่งถือเป็นระดับกรอบล่างตั้งแต่ช่วงปี’62 ทำให้เราคาดว่า Fundflow ต่างชาติอาจเริ่มชะลอตัวลงได้บ้างในระยะสั้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง-แกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อปรับฐานลดความร้อนแรงจากช่วงก่อนหน้าได้บ้างในระยะสั้น แต่มองเป็นโอกาสในการเข้าสะสมตามทิศทางกระแส Fundflow ที่มีโอกาสไหลเข้าได้ต่อตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า

 

ธีมการลงทุน     สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว เราแนะนำให้เริ่มกลับมาทยอยสะสมหุ้นในกลุ่ม “Global Play”  (พลังงาน, โรงกลั้น และปิโตรเคมี) อีกครั้งตลาดย่อตัวได้แก่ PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, ESSO และ IVL รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม “Tourism Play” (ท่องเที่ยวและโรงแรม) ได้แก่ AOT, MINT, CENTEL และ ERW ตามทิศทางแนวโน้มผลประกอบการที่จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นโด่นเด่นอีกครั้งสำหรับช่วงปีหน้า

หุ้นแนะนำ       AOT

กลยุทธ์         แนวรับ 65.50 / 64.50 แนวต้าน 69.25 / 73.50 Stop 63.75

https://www.aira.co.th/upload/Market_1608084750_2289.pdf

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave