ห้องเม่าปีกเหล็ก

‘สตาร์ ปิโตรเลียม’ ซื้อกิจการ ‘ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์’

โดย อินทรีย์ไม่บินเป็นฝูง
เผยแพร่ :
132 views

‘สตาร์ ปิโตรเลียม’ ทุ่ม 5.56 พันล้านบาท ซื้อกิจการ ‘ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์’ จากเชฟรอน พร้อมเข้าซื้อหุ้น ‘Thappline’ กับ BAFS ลุยธุรกิจน้ำมันครบวงจร

 

 

บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ประกาศทุ่มงบ 5,562.5 ล้านบาท เข้าซื้อธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม หรือสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ ‘คาลเท็กซ์’ จาก ‘บริษัท เชฟรอน (ไทย)’ รวมถึงซื้อหุ้นสัดส่วน 9.91% ในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย (Thappline) และได้หุ้นสัดส่วน 2.51% ใน บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) 

 

โรเบิร์ต โดบริค กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPRC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 มีมติอนุมัติการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 31 มกราคม 2566 โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม 20 ธันวาคม 2565 ทั้งนี้ ซึ่งการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมดังกล่าวประกอบด้วยธุรกรรมดังต่อไปนี้

 

  1. การเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 100% ของบริษัท เชฟรอน ลูบริแคนท์ (ประเทศไทย) จำกัด จาก Chevron Asia Pacific Holdings Limited (CAPHL) และ CT Nominee Holdings (I) LLC (CTN1) และ CT Nominee Holdings (II) LLC (CTN2) โดยบริษัทเป้าหมายเป็นบริษัทที่จัดตั้งในประเทศไทย ซึ่งจะเข้าซื้อธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปัจจุบันดำเนินการโดยบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด (CTL) และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจาก CTL

 

  1. การเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 2,877,500 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 5,528,430 หุ้น ของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) คิดเป็นสัดส่วน 9.91% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดจาก CAPHL โดย Thappline ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดจำหน่ายน้ำมันทางระบบท่อส่ง

 

  1. การเข้าลงทุนโดยการเข้าซื้อหุ้นและการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทจำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ภายใต้กฎหมายไทยสองบริษัท (บริษัทใหม่) โดยหนึ่งในบริษัทใหม่ดังกล่าวจะเข้าซื้อที่ดินจำนวนทั้งหมด 19 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จากบริษัท สตาร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (SHC) ทั้งนี้การเข้าซื้อหุ้นบริษัทมีเป้าหมายและหุ้น Thappline จะเรียกรวมกันว่า ‘การเข้าซื้อหุ้น’ โดยเมื่อรวมการลงทุนในบริษัทใหม่จะเรียกรวมกันว่า ‘ธุรกรรมการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม’

 

ทั้งนี้ ในทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมครั้งนี้ ได้แก่ ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน Caltex 427 สถานี แบ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันแบบผู้ค้าปลีกเป็นเจ้าของและดำเนินการ 403 แห่ง และสถานีบริการน้ำมันแบบบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโดยผู้ค้าปลีก 24 แห่ง และหุ้น 16 ล้านหุ้น หรือ 2.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS)

สำหรับมูลค่าทั้งหมดของธุรกรรมการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจะเท่ากับผลรวมของ 1. เงินจำนวน 90 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 3,212.4 ล้านบาท 2. มูลค่าของเงินทุนหมุนเวียนสุทธิตามจริงของธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่จะดำเนินการโดยบริษัทเป้าหมาย ณ วันที่ธุรกรรมการเข้าซื้อหุ้นเสร็จสิ้น (Closing Date) ทั้งนี้เพื่อแสดงตัวอย่างประกอบการพิจารณาเงินทุนหมุนเวียนสุทธิของธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีมูลค่าเท่ากับ 2,350.1 ล้านบาท หรือเท่ากับ 65.8 ล้านดอลลาร์

 

ในกรณีนี้ หากมูลค่าของเงินทุนหมุนเวียนสุทธิของธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ณ วันที่ธุรกรรมการเข้าซื้อหุ้นเสร็จสิ้น (Closing Date) มีจำนวนเท่าเดิม 2 มูลค่าของธุรกรรมการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจะเท่ากับ 155.8 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 5,562.5 ล้านบาท

 

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับ SPRC มีดังนี้

 

  1. การครอบครองและรักษาฐานลูกค้าปลายทางในธุรกิจโรงกลั่นของบริษัท โดยบริษัทประกอบธุรกิจโรงกลั่นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยในปัจจุบันลูกค้ารายที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทคือ กลุ่มบริษัท Chevron ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 43.2% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2564 ดังนั้นการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจึงถือเป็นกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจในแนวดิ่ง ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถครอบครองและรักษาฐานลูกค้าปลายทางในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมได้ และลดการพึ่งพารายได้จากลูกค้าที่เป็นกลุ่มบริษัท Chevron ลง

 

  1. การขยายธุรกิจและการบูรณาการในธุรกิจปลายน้ำ การขยายธุรกิจไปยังธุรกิจปลายน้ำดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจปิโตรเลียมปลายน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสของบริษัทในการขยายธุรกิจและเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เช่น ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน ธุรกิจบริการเกี่ยวกับรถยนต์ และธุรกิจบริการเชิงพาณิชย์อื่นๆ

 

นอกจากนี้ การขยายธุรกิจดังกล่าวยังทำให้บริษัทสามารถได้ประโยชน์จากการประสานศักยภาพการดำเนินงานจากการรวมธุรกิจโรงกลั่น และธุรกิจการตลาดและการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การบริหาร การจัดเก็บเชื้อเพลิง และการแบ่งปันต้นทุนในธุรกิจต่างๆ 

 

  1. การรับรู้ผลของรายได้และกำไรจากธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ภายหลังจากการเข้าลงทุนในธุรกรรมการลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมดังกล่าว บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้และกำไรจากธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจบริการอื่นที่เกี่ยวข้องได้ทันที

           

โรเบิร์ตกล่าวต่อว่า การเข้าลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในครั้งนี้เป็นไปตามพันธกิจของ SPRC เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันผ่านการลงทุนในเวลาที่เหมาะสม โดยการทำธุรกรรมดังกล่าวจะเพิ่มความหลากหลายและสร้างมูลค่าให้แก่ SPRC

 

 


อินทรีย์ไม่บินเป็นฝูง