true ดิ่งทุกวันเลยเซง กลุ่มสื่อสารเขารีบาวน์กันแล้ว แต่ตัวนี้เป็นตัวเดียวที่ไม่วิ่งแถมจ่อ new low ด้วย
หุ้นฮ็อต!! : TRUE จบขาลงตรงไหน? หลังหุ้นดิ่งต่อเนื่อง โบรกฯ มองขาดทุนอีกอย่างน้อย 1 ปี
TRUE ราคาหุ้นร่วงต่อเนื่อง ทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน ที่ 6.20 บาท โบรกฯ คาดไตรมาส 4/59 ขาดทุนกว่า 2 พันลบ. และมีแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3-4 ไตรมาส จากค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตการใช้คลื่นความถี่ 1800 MHz และ 900 MHz เป็นภาระไตรมาสละกว่า 1.8 พันล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ดิ่งลงต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดลงไปแตะ 6.15 บาท ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 7.5 บาท เมื่อเดือนก่อน หรือลดลง 18% ทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา
TRUE แบ่งกลุ่มธุรกิจหลักเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) ธุรกิจออนไลน์ ภายใต้ทรูออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วย บริการโทรศัพท์พื้นฐานและบริการเสริมต่างๆ บริการโครงข่ายข้อมูล บริการอินเทอร์เน็ต บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบริการบรอดแบนด และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WiFi) (2) ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภายใต้กลุ่มทรูโมบาย ซึ่งให้บริการครบทุกมิติทั้ง 4G 3G และ 2G ผ่านเครือข่ายประสิทธิภาพสูงและครอบคลุมทั่วประเทศ ภายใต้แบรนด์ ทรูมูฟ เอช และทรูมูฟ (3) ธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ภายใต้ ทรูวิชั่นส์
ย้อนกลับไปช่วง 2-3 ปีก่อน อนาคตของ TRUE เริ่มสดใสขึ้นหลังจากได้ผู้ร่วมทุนรายใหม่อย่าง ‘China Mobile’ ใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามาถึง 2.8 หมื่นล้านบาท ช่วยปลดภาระหนี้สินและหนุนให้ฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ขณะเดียวกันบริษัทก็พลิกกลับมามีกำไร 1.4 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้น 4.4 พันล้านบาท ในช่วงปี 57-58 ดันให้ราคาหุ้นทยานขึ้นไปแตะ 14 บาทเมื่อต้นปี 58
แต่แล้วราคาหุ้น TRUE กลับดิ่งลงอย่างรุนแรงมากกว่า 1 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 1 ปี หลังจากนั้น โดยเฉพาะในช่วงท้ายของปี 58 ซึ่งบริษัทต้องทำการเพิ่มทุนอีกครั้งด้วยมูลค่าเฉียด 6 หมื่นล้านบาท ด้วยราคาเสนอขายหุ้นละ 7.15 บาท เพราะบริษัทได้เข้าประมูลใบอนุญาตการใช้คลื่นความถี่เพิ่มเติม
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตการใช้คลื่นความถี่ 1800 MHz และ 900 MHz ที่จะเป็นภาระให้กับบริษัทกว่าไตรมาสละ 1,800 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการของบริษัทยังคงขาดทุนต่อไปอีกอย่างน้อย 3-4 ไตรมาส ถ้าบริษัทสามารถหาลูกค้าเพิ่มได้ไตรมาส 1 ล้านเลขหมาย ด้วย ARPU เฉลี่ยที่ 220 บาทต่อเลขหมายต่อเดือน จะทำให้รายได้เพิ่มประมาณ 660 ล้านบาทต่อไตรมาส ดังนั้นแล้วอย่างน้อย 3 ไตรมาส บริษัทถึงจะเพียงพอต่อค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าบริษัทสามารถหาได้น้อยกว่า 1 ล้านเลขหมายต่อไตรมาส ก็จะทำให้ผลขาดทุนกินระยะเวลายาวนานขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทจะถูกกดดันจากค่าตัดจำหน่ายต้นทุนการได้มาของผู้ใช้บริการ เนื่องจาก TRUE จะมีการบันทึกต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น และคิดค่าตัดจำหน่ายภายใน 1 ปี ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 3 มีมูลค่า 5,622 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าตัดจำหน่ายต่อไตรมาสประมาณ 1,400 ล้านบาท หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ บริษัทจะต้องรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนแบกรับของการอุดหนุนค่าเครื่องที่บริษัทได้ทำไว้เมื่อ 1 ปีที่แล้วกว่า 5,622 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน เรายังมีความกังวลเพิ่มเติมจากกรณีที่ ทรูวิชั่นส์ ได้มีการยกเลิก 6 ช่อง HBO ประเด็นที่เราเป็นกังวลคือการด้อยค่าของค่านิยมในงบการเงินรวมของบริษัทซึ่ง ณ สิ้น ปี 2558 มีมูลค่าประมาณ 11,042 ล้านบาท เนื่องจากการปรับเปลี่ยนรายการดังกล่าวอาจจะกระทบต่อผู้ใช้งานและทำให้สมมติฐานในค่าความนิยมในธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิกเปลี่ยนไปได้ ซึ่งเราได้ตั้งสมมติฐานให้ตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ที่ 20-100% จะคิดเป็นผลกระทบต่อหุ้นที่ 0.07-0.33 บาท ทำให้มีความกังวลในระยะสั้นต่อผลประกอบการประจำปี 59 ที่จะออกมา
เช่นเดียวกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน ที่มองว่า TRUE จะกลับมาขาดทุนอีกครั้ง
แม้จะมีมุมมองเชิงบวกต่อการชิงส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจมือถือ โดยคาดส่วนแบ่งตลาดของ TRUE จะเพิ่มเป็น 25% ในปี 61 จาก 19% ในปี 58 แต่มีมุมมองเชิงลบต่อต้นทุนที่เกิดขึ้น โดยประเมินว่าเป็นไปได้ยากที่บริษัทจะลดการอุนหนุนค่าเครื่องในช่วง 1-2 ปีนี้ ภายใต้สภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและการคาดหวังส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้น จึงประเมินว่าต้นทุนเหล่านี้จะกดดันให้บริษัทขาดทุนสุทธิ 3.791 ล้านบาท ในปี 59 และขาดทุน 3,985 ล้านบาท ในปี 60
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/59 เชื่อว่าจะขาดทุนต่อในระดับ 2.5 - 2.7 พันล้านบาท ตามต้นทุนในธุรกิจมือถือที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นจะถูกดันจากภาระรายจ่ายทางการเงิน ซึ่งล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการออกหุ้นกู้ 2.3 หมื่นล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์และขยายธุรกิจ
เมื่อดูจากแนวโน้มกำไรของ TRUE ทำให้การปรับตัวลงของหุ้นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ แต่เมื่อพิจารณาจากเป้าหมายของนักวิเคราะห์หลายแห่งกลับสูงกว่าราคาปัจจุบันแทบทั้งสิ้น
บล.กสิกรไทย ให้ราคาเป้าหมายที่ 8 บาท โดยเชื่อว่าโครงการปรับลดต้นทุนจะเป็นปัจจัยบวกต่อ TRUE เพราะว่าที่ผ่านมารายได้บริการนั้นมีแรงหนุนจากรายได้ธุรกิจมือถือ ซึ่งมีการเติบโตในระดับเลขสองหลักมาเป็นเวลา 8 ไตรมาส และเราคาดว่าโครงการประหยัดต้นทุนจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัท
ส่วนเป้าหมายส่วนแบ่งรายได้ตลาดสำหรับธุรกิจมือถือของ TRUE เป็นไปในเชิงรุกมากกว่าสมมติฐานของเรา โดยประเมินว่าส่วนแบ่งรายได้ตลาดจะแตะระดับ 28.1% ในปี 61 ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 33.3% ในปี 61
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมาย 7.28 บาท แม้จะมองว่าบริษัทน่าจะรายงานผลขาดทุนต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3-4 ไตรมาส ขณะที่ บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ราคาเป้าหมาย 7.8 บาท
TRUE กลับมาอยู่ในภาวะขาดทุนอีกครั้ง หลังจากพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในช่วงปี 57-58 ด้วยภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมาก แม้ราคาปัจจุบันก็ถือว่าต่ำกว่าราคาเพิ่มทุนล่าสุดที่ 7.15 บาท แต่การจะเข้าลงทุนในหุ้น TRUE ณ เวลานี้ คงต้องพิจารณาให้ดีว่าระดับใดถึงจะเรียกว่าถูก