ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุ้นเด่นวันนี้ ! 5 โบรกปักธง 14 หุ้นน่าลงทุน

โดย Khal
เผยแพร่ :
152 views

หุ้นเด่นวันนี้ ! 5 โบรกปักธง 14 หุ้นน่าลงทุน ชู Selective Buy -มีปัจจัยบวกเฉพาะ TNN Wealth

หุ้นน่าซื้อวันนี้ 7 มิ.ย. 65 โบรกมองหุ้นไทยวันนี้ Sideways ในกรอบ 1,635-1,660 จุด แกว่งตัวออกข้างระหว่างรอปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจระดับมหภาคในช่วงท้ายสัปดาห์ ชู Selective Buy - มีปัจจัยบวกเฉพาะ

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนของ SET Index เมื่อวานนี้ ถูกขับเคลื่อนด้วยทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ กล่าวคือในช่วงต้นเวลาทำการ กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. ที่ 7.1% สูงกว่าตลาดคาดที่ 5.9% และสูงที่สุดในรอบ 14 ปี เป็นผลมาจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าในหมวดอาหาร

กดดันตลาดหุ้นให้เกิด Drawdown สูงถึง -12 จุด ก่อนเกิดการรีบาวน์ในช่วงบ่ายหลังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากปัจจัยระดับมหภาคคือการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในประเทศจีนซึ่งก่อให้เกิดความคาดหวังในการผ่อนคลายความตึงตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก 

 

การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์สำคัญเมื่อวานนี้ 1.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ  2 ปี และ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 2.74% และ 3.04% ตามลำดับ หนุนการไหลเวียนของกระแสเงินทุนเข้าสู่ตลาดทุนในระยะสั้น 

2.Dollar Index ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 102.4 จุด 3.ราคาทองคำทรงตัวที่ระดับ   1,840 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และ 4. ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ยังคงอยู่ระดับสูงที่ US$11/bbl

 

สำหรับอัตราเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. ที่รายงานสูงกว่าตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญ แม้เราคาดจะยังไม่นำไปสู่การตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. ในวันที่ 8 มิ.ย. แต่จะเริ่มเห็นความชัดเจนของทิศทางนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มตึงตัวกว่าคาดในช่วงที่เหลือของปี และจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ช่วงของดอกเบี้ยขาขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 

 

โดยกลุ่มที่มีความทนทานกับสภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นได้ดี ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม ค้าปลีก ท่องเที่ยว บันเทิง และการแพทย์ 

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้คาดยังเป็นลักษณะ Sideways ในกรอบ 1,635-1,655 จุด แกว่งตัวออกข้างเพื่อรอติดตามปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจระดับมหภาคในช่วงท้ายสัปดาห์ ได้แก่ 1. การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 9 มิ.ย. คาดเห็นมุมมองการปรับใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น 

 

2.การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ ในวันที่ 10 มิ.ย. (ตลาดคาด +8.2% YoY)  ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดจนถึงการประชุม FOMC ครั้งถัดไปในวันที่ 15 มิ.ย.

 

 

หุ้นเด่นตัวแรกคือ GUNKUL ราคาหุ้นมีปัจจัยบวก ได้แก่ 1.คาดกำไรสุทธิ 2Q65 เติบโตเด่น QoQ 2.ได้ประโยชน์จากความต้องการใช้Carbon Credit ที่เพิ่มขึ้น หลังทุกประเทศทั่วโลกเดินหน้าสู่ Net Zero เป็น Upside ต่อประมาณการกำไร 3.มี Sentiment บวก เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.จะปลดล็อกให้ปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย คาดกำไรปกติปี 2565 ที่ 2.5 พันลบ. เติบโต +33% YoY และ Theme ระยะยาวคือ ESG เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น 

 

หุ้นเด่น ถัดมาคือ      MAKRO หุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เน้นสินค้าอุปโภคบริโภค ได้รับผลกระทบเชิงลบจำกัดจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น เทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าอื่นๆ เช่น ตกแต่งบ้าน, สินค้า IT ที่อาจได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงเนื่องจากต้องประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

 

SSSG เดือน เม.ย.-พ.ค.2565 เพิ่มขึ้น +5% จาก 1Q65 ที่ 1% เข้าสู่การฟื้นตัว และคาดว่า 2H65 จะดีขึ้นอีก จากสัดส่วนรายได้ในการจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่ม HoReCa รวมทั้ง Synergy ในการควบรวมกับ Lotus ที่จะเห็นชัดเจนขึ้นใน 2H65 และได้รับประโยชน์เต็มปีในปี 2566 เราคาดกำไรปี 2565 เติบโต +82% YoY เป็น 1.26 หมื่นลบ. 

 

 

หุ้นเด่น อีกตัวคือ    BANPU  ราคาหุ้นมี Momentum แข็งแกร่งกว่าตลาด หลังปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการ เทียบกับ SET INDEX ที่อ่อนตัวลง เนื่องจากมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวได้แก่ 1)ราคาถ่านหิน Newcastle ทรงตัวระดับสูงที่ US$415.25/ตัน 2)ราคา Natural Gas ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น +9.3% เป็น US$9.32/MMBtu 3)แผนการนำบริษัทลูกคือ BKV เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ Valuation ไม่แพง ที่ระดับ PER2565 เพียง 6.7 เท่า และให้ Dividend Yield 5.7%

 

หุ้นเด่นสุดท้าย  KBANK  ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 148.50 บาท แนวรับ 145.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 143.00 บาทตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ที่เพิ่มขึ้น +7.1% YoY สูงกว่าคาดของตลาด อาจส่งผลให้กนง.ส่งสัญญาณแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2H65 เป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มธนาคาร

 

 

บล.เอเซียพลัส  มองว่า เงินเฟ้อเดือน พ.ค.65 ของบ้านเราออกมาที่ 7.1% YoY สูงสุดในรอบ 13 ปี เป็นตัว เลขที่สูงกว่า Consensus ซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 5.7% YoYแต่ถือเป็นระดับที่ใกล้เคียง กับที่เราคาดไว้ (กรอบ 6.6- 7.7%) ผลกระทบของเงินเฟ้อที่สูงเห็นว่ามีผลเชิงลบ อย่างน้อย 3 ส่วนคือ 1.เป็นแรงกดดันทำให้ กนง. ต้องพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ขึ้น ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จะทำให้SET Index เป้าหมายลดลง 88 จุด มาอยู่ที่ 1722 จุด 

 

2. ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งในที่สุดก็จะส่งผลทำให้ Fund Flow ไหลออกจากตลาดการเงินบ้านเรา และ 3. เป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดัน ต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถผลักภาระต้นทุนส่วนเพิ่มไปยังผู้บริโภคได้ ซึ่งจะ ทำให้ผลประกอบการ 2Q65 ชะลอตัวลง 

 

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่พอจะเป็น ความหวังน่าจะเป็นกลุ่มท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง SET Index ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน โดยยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามา ผลักดันกรอบการเคลี่อนไหว 1,630 – 1,655 จุด พอร์ตจำลองให้ สลับหุ้น SMT เป็น CENTEL (น้ำหนัก 5%)  หุ้นเด่นวันนี้มี 3 ตัว

 

หุ้นเด่นตัวแรกคือ BLA  ราคาเป้าหมาย  52 บาท   ทิศทางกำไรดีต่อเนื่องในปี 2565กำไรสุทธิงวด 1Q65 เท่ากับ 80 1 ล้านบาท ฟื้นตัวถึง

192% q๐9 (แต่ลดลง 19% yoy เนื่องจากไม่ได้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนงวดก่อนหน้า) ขณะที่ธุรกิจประกันภัยและธุรกิจลงทุนฟื้นตัว

 

แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2565 จะปรับเพิ่มขึ้น 18% yoy จากธุรกิจประกันฟื้นตัว ขณะที่คาดกำไรสุทธิงวด 2065 จะยังดีต่อเนื่องจากงวด 1Q65

กำหนด Fair value ปี 2565 เท่ากับ 52 บาท แนะนำซื้อรับปัจจัยบวกจากแนวโน้ม Bond yield ที่เป็นขาขึ้น ส่งผลบวกต่อภาพรวมธุรกิจลงทุนของบริษัทประกันชีวิต

 

หุ้นอีกตัวคือ  CENTEL   ราคาเป้าหมาย 44 บาท    

 

 

หุ้นตัวถัดมาคือ  BH  ราคาเป้าหมาย 190   บาท  หุ้นเด่นกำไร 2Q65 เติบโตแนวโน้มกำไรงวด 2Q65 ยังคงเติบโต YoY และสามารถลุ้นโต QoQ ได้ แม้ว่าจะเป็นช่วง Low Season ของกลุ่มรพ. หลักๆมาจากทางภาครัฐฯผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ (ยกเลิก Test&Go) หนุนให้กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติเริ่มกลับมาทยอยรักษามากขึ้น (70% ของรายได้ช่วงภาวะปกติ ประเมินว่ากำไรช่วง 2H65 จะโดดเด่นมากที่สุด

 

เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการเดินทางเข้ามารักษาของผู้ป่วยต่างชาติ ประกอบกับฐานกำไรที่ต่ำในปีที่แล้ว จากผลกระทบวิกฤต COVID (ช่วง 3Q64)ภาพกำไรปี 2565-66 ของ BH เติบโตเฉลี่ยปีละ 75.1%ถือว่าเป็นหุ้นที่เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่มรพ. ขับเคลื่อนหลักมาจาก การสัดส่วนรายได้ของกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้มาร์จิ้นในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นเช่นกันประกอบกับบริษัทจะทยอยให้ส่วนลดสำหรับค่าห้อง/ค่ายา น้อยลง 

 

  

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส   บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า   วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,640 จุด และแนวต้าน1,660 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น

 

 

โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ    WICE  ภาพรวมเศรษฐกิจจีนในระยะสั้นมี sentimentที่ดีขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเมืองสำคัญจะกลับมาอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุน WICE ที่มีสัดส่วนจีนสูง คาดจะหนุนกำไรครึ่งหลังกลับมาขยายตัวเด่น ผสานการspinoff บริษัทเป็นปัจจัยปลดล็อก Value เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.1 บาท

 

 

หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ   MINT คาดกำไร 2065 ฟื้นตัวจากทั้งธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่อัตราการเข้าพักแตะระดับ 63% ในเดือนเมษายน และราคาห้องพักเฉลี่ยใกล้เคียงช่วงก่อน COVID-19ส่วนไทยได้แรงหนุนจากมาตรการผ่อนคลายเข้าประเทศหนุนอัตราการเข้าพัก และราคาห้องพักเร่งขึ้นเช่นกันเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 37 บาท

 

 

 

บล.ไทยพาณิชย์      คาด SET และตลาดหุ้นหลักทั่วโลก ยังเผชิญความกังวลเงินเฟ้อที่เร่งตัว และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเป็นปัจจัยกดดัน ด้าน bond yield 10 ปี สหรัฐ ปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดขึ้นมาเหนือระดับ 3% อีกครั้ง ทำให้ยังมอง SET มีแนวโน้มอ่อนตัวได้ต่อ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1,642 และ 1,632 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนคาดถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,655-1,665 จุด

 

หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ    BANPU (ราคาเป้าหมาย IAA consensus 14.69 บ.) ได้อานิสงส์บวกจากราคาถ่านหินยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัว ปริมาณสำรองถ่านหินในอินเดียอยู่ในระดับต่ำทำให้ต้องเร่งการนำเข้า ราคาก๊าซในสหรัฐปรับตัวทะลุ 9 เหรียญฯ และจีนยังผ่อนคลายล็อกดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นหนุนอุปสงค์ถ่านหินเพิ่ม 

 

หุ้นเด่นอีกตัวคือ  KBANK (ราคาเป้าหมาย 175.00 บ.) ซึ่งปี 65 คาดกำไรฟื้นตัว 21%YoY จากแรงหนุน Credit cost ลดลงและสินเชื่อที่เติบโตดีขึ้น รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่ ธปท. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าคาดเพื่อรับมือเงินเฟ้อที่พุ่งสูงซึ่งมองจะเป็น upside ต่อ NIM ของธนาคารขนาดใหญ่

 

 ขณะที่ บล.กสิกรไทย   มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ   1,640-1,660 จุด โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ 3 ตัวคือ PTT    ราคาปัจจุบัน 38.25   บาท   ราคาเป้าหมาย 42  บาท IRPC ราคาปัจจุบัน  3.50   บาท ราคาเป้าหมาย  3.84    บาท และ SISB   ราคาปัจจุบัน  13    บาท   ราคาเป้าหมาย  14.30  บาท

 

 

ที่มา : บล.หยวนต้า,  บล.เอเซียพลัส, บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.ไทยพาณิชย์ ,บล.กสิกรไทย

 

ภาพประกอบข่าว : AFP,  TNN Online,พิกซาเบย์

 


Khal