30 พฤษภาคม 2562 -- Smart Pick : Yuanta Securities
Smart Pick
กลยุทธ์วันนี้
ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มอ่อนแรงลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์
ระดับความเสี่ยงของตลาด
Neutral
Weight: Stock 50%, Cash 50%
สะสม DIF
ราคาปิด 15.90 บาท
ราคาเหมาะสม 16.00 บาท
ราคาหุ้นพักตัวลง -5.3% จากจุดสูงสุดที่ 16.80 บาท หลังขึ้น XD เมื่อวันที่ 16 พ.ค.หุ้นละ 0.26 บาท และนักลงทุนรอดูรายละเอียดเพิ่มเติมของการเพิ่มทุน ได้แก่ ราคา และสัดส่วนที่ชัดเจน
เราประเมินว่า ณ ระดับราคาปัจจุบันมีความน่าสนใจ "สะสม" บางส่วน เนื่องจากให้ Dividend Yield 6.7% พร้อมทั้งแนะนำให้เตรียมเงินอีกส่วนเพื่อรอใช้สิทธิ์เพิ่มทุน ขณะที่การซื้อสินทรัพย์ใหม่เข้ากองทุน คาดเป็นผลบวกให้เงินปันผลต่อหน่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สะสม TTW
ราคาปิด 12.80 บาท
ราคาเหมาะสม 15.00 บาท
เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยบวกใหม่ หลังเสร็จสิ้นการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI แล้ว ส่งผลให้ตลาดมีโอกาสซึมตัวลง เนื่องจากข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯมีโอกาสยืดเยื้อ ส่งผลให้หุ้น Defensive มีแนวโน้มกลับมา Outperform ตลาด
TTW ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 5% ต่อปี ขณะที่กำไรปี 2562 คาดเติบโต +7% YoY เป็น 3.03 พันลบ. และเร่งตัวขึ้น +15% YoY ในปี 2563 จากแรงหนุนของโครงการไซยะบุรีผ่านส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมคือ CKP เป็นปัจจัยหนุน
เก็งกำไร PLANB
ราคาปิด 6.75 บาท
ราคาเหมาะสม 8.65 บาท
ราคาหุ้นมี Valuation Gap จาก VGI มากเกินไป โดย ราคา ณ ปัจจุบัน PLANB ซื้อขาย PER2562 ที่ 35 เท่า vs VGI ที่ 61 เท่า
เราคาดว่า Synergy จากการเป็นพันธมิตรธุรกิจกับ VGI จะเริ่มเห็นผลเชิงบวกต่อกำไรของบริษัทใน 2H62 ส่งผลให้รายได้ และอัตรากำไรดีขึ้นจากการแข่งขันที่ลดลง รวมทั้งการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการใช้ทรัพยากรร่วมกันเป็นปัจจัยหนุนให้กำไร 2H62 เร่งตัวขึ้น HoH อย่างมีนัยสำคัญ
เก็งกำไร ADVANC
ราคาปิด 192.00 บาท
แนวต้านทางเทคนิค 195.00 บาท
สัญญาณทางเทคนิคจะเป็นบวกหากปรับตัวผ่าน 193.50 บาทได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบ 195.00 บาท แนวรับ 191.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 189.50 บาท
หุ้นกลุ่ม Defensive เช่น กลุ่มสื่อสาร คาดว่าจะมี Downside Risk ไม่มากนัก เนื่องจากอาจเห็นการเกิด Sector Rotation เข้าพัก จนกว่าจะมีความชัดเจนในการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
Profit Taking
BDMS, SCC, INTUCH, DTAC, RATCH
กลยุทธ์วันนี้
ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขาย Sell on Fact หลังจากจบเหตุการณ์การปรับเพิ่มน้ำหนัก MSCI เมื่อวันอังคาร ทำให้ SET INDEX อ่อนแรงลงอย่างชัดเจนและปิดหลุดแนว 1,620 จุดเมื่อวานนี้ สำหรับทิศทาง SET INDEX วันนี้ แกว่งทรงตัวถึงพักตัวลงสู่แนว 1,610-1,615 จุด ด้วยหลากหลายประเด็นลบที่เข้ามากดดัน
ภาวะ Inverted Yield Curve ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี และ 3 เดือน ยังคงกดดัน Sentiment การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ทิศทางตลาดหุ้นโลกวานนี้ อ่อนแรงลงเช่นกัน โดยเฉพาะดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงราว 0.7-0.9% ขณะที่ตลาดหุ้นหลักของยุโรป ลดลงราว 1.2-1.7%
นอกจากนี้ ความตึงเครียดของสงครามการค้า เพิ่มความร้อนแรงขึ้น โดยเฉพาะการทำสงครามผ่านสื่อจากฝั่งจีน รวมถึง กระแสข่าวว่า จีน อาจตอบโต้สหรัฐฯด้วยการจำกัดการส่งออกแร่ที่มีธาตุโลหะหายาก หรือ Rare Earths ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าเทคโนโลยี ด้านการเมืองในประเทศ การจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรค แกนนำและพรรคร่วมรัฐบาล มีเงื่อนไขที่ซับซ้อน ทำให้ความชัดเจนอาจจะเกิดขึ้นไม่เร็วนัก
ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เราคงมุมมองเดิม กล่าวคือ SET INDEX จะซึมตัวลง เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาขับเคลื่อน ขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ เข้ามากดดันเป็นระยะ ในระยะกลาง เราประเมินว่า SET INDEX มีโอกาสพักฐานสู่แนวรับจิตวิทยา 1,600 จุด เน้นเลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลาง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) PEG ต่ำ และ D/E ไม่สูง (2) Low Beta (3) High Dividend Yield (ดูรายละเอียดในบทวิเคราะห์ Strategy Report "หมดข่าวดี..เมฆฝนปกคลุมหุ้นไทย")
Strategist Team
Padon Vannarat
Strategist 662-009-8060
Natapon Khamthakrue
Strategist 662-009-8059
Piyapat Patarapuvadol
Strategist 662-009-8062
Suvichak Thappang
Assistant Strategist