ห้องเม่าปีกเหล็ก

ผู้โพสต์มั่นใจว่าเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้วในระยะกลางถึงยาว " Dow Jones จะบูมสุดๆ " และ" จะไม่เกิด Recession " ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็น

โดย กองแก้ว
เผยแพร่ :
119 views

ผู้โพสต์มั่นใจว่าเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้วในระยะกลางถึงยาว "  Dow Jones จะบูมสุดๆ  " และ" จะไม่เกิด Recession " ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็น :

ผู้โพสต์ได้ให้ความเห็นตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ปี 2022 แล้วว่า “ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่ารอบใหญ่ เกิดจากแนวโน้ม Fed Fund Rate ที่จะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ แล้วเงินทุนจะไหลเข้าสหรัฐฯโดยเฉพาะ Dow Jones แล้วจะทําให้ Dow Jones บูมสุดๆ ”

แต่นักวืเคราะห์ส่วนใหญ่ออกมาให้ความเห็นว่า Fed Fund Rate เป็นขาขึ้นรอบใหญ่ แล้วจะทําให้เกิด “ Recession "

แต่ผู้โพสต์มั่นใจว่าการวิเคราะห์ของผู้โพสต์ถูกต้องด้วยข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างแนวโน้ม Fed Fund Rate และแนวโน้มของ Dow Jones ย้อนหลัง 21 ปี  ( ปี 2000 - 2021 ) ดังนี้คือ :

( บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ปี 2022 ) 

ปัจจุบัน เราได้ยินข่าวว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆทั่วโลก ประจวบกับการที่มีข่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดจะเร่งปรับดอกเบี้ยนโยบายหรือ Fed Fund Rate ซึ่งจะทําให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางของประเทศอื่นๆเกือบทั่วทั้งโลกนั้น สิ่งที่จะตามมาก็คือเงินทุนจากทั่วโลกจะไหลบ่าเข้าสหรัฐฯ และจะทําให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะ Dow Jones เป็นขาขึ้นรอบใหญ่ตามทิศทางแนวโน้มขาขึ้นรอบใหญ่ของ Fed Fund Rate ในปี 2022 - 2023 

เรามาดูความสัมพันธ์ระหว่างตลาดหุ้น Dow Jones และดอกเบี้ยนโยบายหรือ Fed Fund Rate ในอดีตกันดังนี้คือ :

1) ตอนที่เกิดฟองสบู่ดอทคอม Dow Jones ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่ 11,732 จุด เมื่อเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 2000 มาทําจุดตําสุดที่ 7,717 จุด เมื่อเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2003 นั้น Fed Fund Rate ก็ปรับตัวลดลงจาก 6.5% ลงมาเหลือ 1.0% ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เข้ามาบริหารประเทศเป็นสมัยแรก 

2) หลังจากนั้น Dow Jones ก็ฟื้นตัวโดยปรับตัวขึ้นจาก 7,717 จุดเมื่อเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2003 มาทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 14,167 จุดเมื่อเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 2006 ในขณะเดียวกันกับที่ Fed Fund Rate ก็ปรับตัวขึ้นจาก 1.0% มาเป็น 5.25% ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช บริหารประเทศในสมัยที่สอง 

3) Dow Jones ปรับตัวลงมาจาก 14,167 จุดเมื่อเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 2006 มาทําจุดตําสุดที่ 6,547 จุดเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2009 และดอกเบี้ย Fed Fund Rate ก็ปรับตัวลงมาจาก 5.25% มาเป็น 0.25% ช่วงนี้เรียกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ Ben Bernanke ประธานเฟดในขณะนั้นที่นอกจากจะปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ลงมาอย่างรวดเร็วจาก 5.25% เหลือ 0.25% แล้ว ยังคิดค้นนวตกรรมทางการเงินขึ้นมาใหม่เรียกว่า Quantitative Easing หรือการอัดฉีดเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เข้าบริหารประเทศเป็นสมัยแรก 

4) Dow Jones ปรับตัวขึ้นมาจาก 6,547 จุด เมื่อวันที่ 9 มีนาคมปี ค.ศ. 2009 จนถึง 29,568 จุด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2020 และ Fed Fund Rate ก็ปรับตัวขึ้นมาจาก 0.25% ถึง 2.5% ช่วงนี้อยู่ในช่วงประธานาธิบดีบารัก โอบามาสมัยที่สอง และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 

ในช่วงประธานาธิบดีโอบามาสมัยที่สองนี้ได้มีการเปลี่ยนตัวประธานเฟดจาก Ben Bernanke มาเป็น Janet Yellen แต่นโยบายทางการเงินก็ยังเหมือนเดิมคือคงดอกเบี้ยนโยบาย ( Fed Fund Rate ) ที่ระดับตําที่ 0.25% และมีการอัดฉีดเงิน ( Quantitative Easing ) เข้าไปในระบบอย่างต่อเนื่อง

Jennet Yellen เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปีเมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2015 จาก 0.25% เป็น 0.50% นอกจากนี้ก็ยังดึงเงินออกจากระบบ (Quantitative Tapering) ด้วย 

หลังจากนั้น ดอกเบี้ย Fed Fund Rate ก็ค่อยๆปรับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับ Dow Jones ที่ปรับตัวขึ้นไปด้วย ในขณะเดียวกันประธานเฟดก็เปลี่ยนจากJanet Yellen มาเป็น Jerome Powell และ Jerome Powell ก็ปรับขึ้น Fed Fund Rate ต่อไป จนกระทั่ง Fed Fund Rate อยู่ที่ระดับ 2.50% Dow Jones ก็ไปทําสถิติ New High ที่ 29,568 จุด เมื่อวันที่ 12 เดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2020 

5) เกิดเหตุการณ์ระบาดของ Covid-19 ในปี ค.ศ. 2019 จนกระทั่งรุนแรงระดับโลกในช่วงต้นปี ค.ศ. 2020 Dow Jones ดิ่งนรกจาก New High เดิมที่ 29,568 จุด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2020 มายังจุดตําสุดในรอบนี้ที่ 18,213 จุดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ปี ค.ศ.2020 ในขณะเดียวกันกับ Fed Fund Rate ก็ปรับตัวลงจาก 2.5% เหลือเพียง 0.25% และมีการทํา Quantitative Easing กันอย่างขนานใหญ่ 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเข้ามาบริหารประเทศในปี ค.ศ. 2021 และ Jerome Powell ก็ยังเป็นประธานเฟดเหมือนเดิม และ Dow Jones ก็ปรับตัวจากจุดตําสุดในรอบก่อนที่ 18,213 จุดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ปี ค.ศ. 2020 มาทํา All Time High ที่ 36,952 จุด เมื่อวันที่ 5 มกราคมปี ค.ศ.2022 ในขณะเดียวกันกับ Fed Fund Rate ก็ยังคงอยู่ที่ 0.25 % 

6) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2022 เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทําให้ราคาน้ามันพุ่งกระฉูดไปทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 130.50 USD ต่อ Barrel เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ปี ค.ศ. 2022 Dow Jones ปรับตัวลงจาก All Time High ที่ 36,952 จุดเมื่อวันที่ 5 มกราคม ปี ค.ศ. 2022 มาทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้ที่ 29,653 จุดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปี 2022  แล้วปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 32,036 จุดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2022 และ Fed Fund Rate ก็ปรับตัวจาก 0.25% ตั้งแต่ต้นปีนี้คือปี ค.ศ 2022 มาอยู่ที่ 1.75% ในปัจจุบัน สาเหตุที่เฟดปรับ Fed Fund Fed เนื่องจากสัญญาณเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 2022 ที่เงินเฟ้อออกมา 8.6 % และ 9.1% ตามลําดับ 

7) Dow Jones ปิดที่ 31,019 จุด เมื่อวันที่ 19 กันยายน ปี 2022 ในขณะที่ Fed Fund Rate ยืนอยู่ที่ 2.50% 

 หมายเหตุ : 1) ดัชนี Dow Jones เริ่มต้นที่ 40.94 จุด ในปี ค.ศ. 1896 และปิดในศตวรรษที่ 19 ที่ 70.10 จุด 

2) ในศตวรรษที่ 20 Dow Jones ผ่านเหตุการณ์ตกตําหลายครั้งดังนี้คือ : 

2.1) เหตุการณ์การตกตําครั้งใหญ่ ( The Great Depression ) ในปี ค.ศ. 1929 ในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งทําให้ Dow Jones ตกลงมามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง -89% 

2.2) เหตุการณ์ฟองสบู่หุ้นกลุ่ม Semi-Conductorในทศวรรษที่1970 พร้อมกับวิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่หนึ่งในปี ค.ศ. 1973 

และ

2.3) เหตุการณ์วันจันทร์ทมิฬ ( Black Monday ) ในปี ค.ศ.1987 ซึ่งทําสถิติตกลงมามากที่สุดภายในวันเดียวที่ -23% ในวันที่ 19 ตุลาคมปี ค.ศ.1987 

2.4) Dow Jones ปิดที่ 11,497 จุด ในศตวรรษที่ 20 

โปรดติดตามรายละเอียดได้ในลิ้งค์เพจด้านล่าง :

https://www.facebook.com/luncvsbitcoin

 


กองแก้ว