ปมขัดแย้งทายาท ‘ดุสิตธานี’ จะจบลงอย่างไร? ลุ้นมติประชุมผู้ถือหุ้น 26 ก.ย. ชี้ชะตา ‘ชนินทธ์ โทณวณิก’
น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับผลการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ในวันที่ 26 ก.ย. 2568 โดยเฉพาะวาระพิจารณาถอดถอน “ชนินทธ์ โทณวณิก” ทายาทคนโตของ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย” ออกจากตำแหน่งกรรมการ โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ย. “ชนินทธ์” ซึ่งมีบทบาทในการบริหารงานกลุ่มดุสิตธานีมายาวนาน เพิ่งตอบคำถามประเด็นขัดแย้งดังกล่าวสั้นๆ ใจความว่า “ทุกอย่างคงจบลงด้วยดี”

ปมดราม่าขัดแย้ง “ศึกสายเลือด” ระหว่าง 3 พี่น้องทายาทของ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย” ผู้ก่อตั้งกลุ่มดุสิตธานี เชนโรงแรมสัญชาติไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก เจ้าของโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มิกซ์ยูสมูลค่ากว่า 4.6 หมื่นล้านบาท แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วย ชนินทธ์ โทณวณิก (พี่ชายคนโต), สินี เธียรประสิทธิ์ (น้องสาวคนรอง) และสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค (น้องสาวคนเล็ก) ยังคงต้องจับตาว่าเหล่าทายาททั้งสามจะหา “ทางลง” ร่วมกันอย่างไร?
โดยเฉพาะการโหวตชี้ชะตา “ชนินทธ์ โทณวณิก” ในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 ก.ย. 2568 จะมีมติถอดถอนออกจากตำแหน่งกรรมการหรือไม่?!
หลังจาก “ชนินทธ์ โทณวณิก” รักษาการประธานกรรมการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ตอบคำถามประเด็นร้อนนี้ไว้สั้นๆ ว่า “ทุกอย่างคงจบลงด้วยดี ไม่ต้องเป็นห่วง ปัญหาที่มีในบริษัทคงแก้ไขได้ ผมค่อนข้างจะมั่นใจ ทั้งนี้อยากให้มีความเชื่อมั่นในดุสิตธานีว่าทุกอย่างจะออกมาดี” ในงานแถลงข่าวของ DUSIT เกี่ยวกับ “ทิศทางการบริหารงานของดุสิตธานี : จากความสำเร็จในปัจจุบัน สู่การสร้างสรรค์บทใหม่” เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2568
นับเป็นงานแถลงข่าวที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน นักลงทุน และประชาชนอย่างมาก เนื่องจากคณะกรรมการ DUSIT มีมติแต่งตั้ง “ชนินทธ์ โทณวณิก” รักษาการประธานกรรมการ ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (กรุ๊ปซีอีโอ) หลังจากบริษัทฯ ได้รับแจ้งจาก “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” กรุ๊ปซีอีโอคนก่อน ซึ่งได้รับการทาบทามจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ให้เข้าดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” และ ศุภจี ได้ตอบรับการทาบทามเพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมีความประสงค์จะขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดจากตำแหน่งกรุ๊ปซีอีโอ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมเศรษฐกิจร่วมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุด DUSIT ได้ส่งหนังสือเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 ก.ย. 2568 ตามหนังสือของบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ DUSIT ฉบับลงวันที่ 11 ส.ค. 2568 ได้ขอให้มีการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
หนึ่งในวาระสำคัญคือ “วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท”
ทั้งนี้ จาก “ความเห็นของคณะกรรมการ” ระบุในหนังสือเชิญประชุมฯ ว่า “คณะกรรมการบริษัทดำเนินการนำเสนอวาระดังกล่าวเพื่อพิจารณาต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ตามบทบัญญัติของมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) เนื่องจากบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ ได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการบริษัทให้เรียกและจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและเสนอวาระดังกล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการซึ่งไม่รวมกรรมการที่มีส่วนได้เสีย (ได้แก่ นายชนินทธ์ โทณวณิก และ นางสินี เธียรประสิทธิ์) มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ผู้ถือหุ้นควรใช้วิจารณญาณในการพิจารณาในวาระถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก เนื่องจากนายชนินทธ์ โทณวณิก เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและสอดคล้องกับธุรกิจหลักของกลุ่มดุสิต กล่าวคือ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจโรงแรมและอาหารมาอย่างยาวนาน และเป็นทายาทคนโตของผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี เป็นผู้ที่ทราบและเข้าใจความเป็นมาของโรงแรมเป็นอย่างดี เป็นบุคคลสัญลักษณ์ของดุสิตธานี และสืบต่อเจตจำนงของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ในการรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยของโรงแรมดุสิตธานีมาจนถึงทุกวันนี้
อีกทั้งมีเครือข่ายในวงการ Hospitality ที่แข็งแกร่ง และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล รวมถึงการริเริ่มโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งนายชนินทธ์ โทณวณิก เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้นำในการดำเนินการ รวมถึงแนวคิดและกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นหนึ่งในโครงการของบริษัทที่คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัท และเป็นโครงการที่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อให้ดุสิตมีความทันสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อให้เป็นมรดกตกทอดไปถึงรุ่นลูกหลานของไทย
ดังนั้น การถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก จะส่งผลกระทบต่อบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) รวมถึงโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกส่วนที่มีต่อบริษัท”
ทั้งนี้ วาระนี้ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง
ด้าน “วาระที่ 4 พิจารณาอนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการ แต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่ และเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ” โดยวาระที่ 4.1 พิจารณาอนุมัติเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่พ้นตำแหน่งวาระ จำนวน 4 คน ตามหนังสือของผู้ถือหุ้น (บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ DUSIT ได้เสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาเป็นกรรมการแทนกรรมการที่พ้นตำแหน่งวาระ จำนวน 4 ท่าน ได้แก่ 1. ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ตำแหน่ง กรรมการอิสระ 2. นายกุลิศ สมบัติศิริ ตำแหน่ง กรรมการอิสระ 3. นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ ตำแหน่ง กรรมการอิสระ และ 4. นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ตำแหน่ง กรรมการอิสระ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2568 ทาง ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ได้มีหนังสือแจ้งมายังบริษัทว่าไม่ประสงค์จะเข้ารับการเลือกตั้งเป็นกรรมการอีกต่อไป เนื่องจากมีภารกิจอื่นที่ต้องรับผิดชอบ เกรงว่าอาจมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ในฐานะกรรมการบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)
ต่อด้วยวาระที่ 4.2 "พิจารณาอนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการและกรรมการอิสระ จากปัจจุบันที่มีจำนวนกรรมการ 12 คน เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 18 คน โดยเสนอเลือกตั้งบุคคลต่อไปนี้ เข้าเป็นกรรมการอีก 5 คน และกรรมการอิสระใหม่อีก 1 คน รวมเป็น 6 คน" ดังนี้
1. ดร.กฤษดา กวีญาณ เป็น กรรมการ
2. นายเสข วรรณเมธี เป็น กรรมการ
3. นายปัณฑิต มงคลกุล เป็น กรรมการ
4. นายภูม โอสถานนท์ เป็น กรรมการ
5. นายศุภศักดิ์ จิรเสวีนุประพันธ์ เป็น กรรมการ
6. นายพิชัย ดุษฎีกุลชัย เป็น กรรมการอิสระ
ทั้งนี้ ในหนังสือเชิญประชุมฯ ได้ระบุถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับกรรมการที่ถูกเสนอชื่อ 3 ท่าน ให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบก่อนการลงมติ ดังนี้
- ดร.กฤษดา กวีญาณ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ของบริษัท ไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นเพื่อเป็นที่พักอาศัย และบริษัท อัลทัส แคปปิตอล สยาม แอคควิซิชั่น ทู จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง ซึ่งธุรกิจดังกล่าวข้างต้นมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นกิจการที่อาจมีสภาพอย่างเดียวกันและอาจเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัทและกลุ่มบริษัท
- นายปัณฑิต มงคลกุล ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นกิจการที่อาจมีสภาพอย่างเดียวกันและอาจเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัทและกลุ่มบริษัท
- นายภูม โอสถานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งมีบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการประกอบธุรกิจพัฒนาและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่และประกอบธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องและส่งเสริมธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้า เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์อาหาร โรงแรม และที่พักอาศัย เป็นต้น เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 99 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นกิจการที่อาจมีสภาพอย่างเดียวกันและอาจเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัทและกลุ่มบริษัท
ที่มา. https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1199762