ไทยเบฟ ปักหมุดธุรกิจ

ไทยเบฟ ปักหมุดธุรกิจ "น็อนแอลกอฮอลล์" ตั้งเป้าแชมป์เครื่องดื่มอาเซียน

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการผ่อนคลายมาตรการโควิดและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่งผลให้ธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารฟื้นตัว ทำให้ผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรก 2565 ของกลุ่มไทยเบฟเป็น 207,922 ล้านบาท เติบโต 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2564
 

ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดบัญชี (EBIDA) เพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 39,110 ล้านบาท
 

ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจของไทยเบฟและบริษัทในเครืออย่าง F&N อยู่ที่ 51,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดอันดับ 10 บริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่มีขนาดใหญ่ในเอเชีย
 

อย่างไรก็ดี แม้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ของไทยเบฟ (รวมธุรกิจต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์) จะมีสัดส่วนยอดขายราว 75-80% ของรายได้ ส่วนธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ (Non Alcohol) มีสัดส่วนราว 20-25% ของรายได้
 

แต่เมื่อไทยเบฟตั้งเป้าเป็นผู้นำเครื่องดื่มในภูมิภาคอาเซียน จึงไม่ควรมองข้ามตลาดน็อนแอลกอฮอลล์ เนื่องจาก เป็นสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าธุรกิจเบียร์ หรือสุรา
 

หากเทียบข้อมูลสัดส่วนตลาดอาหารและเครื่องดื่มในอาเซียน จะพบข้อมูลดังต่อไปนี้
 

ประเทศไทย มูลค่าตลาดรวม 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี
 

        -กลุ่มสุรา 49%

        -กลุ่มเบียร์ 30%

        -กลุ่มเครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอลล์และอาหาร 21%

ประเทศเมียนมา มูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านดอลลาร์/ปี

        -กลุ่มสุรา 36%

        -กลุ่มเบียร์ 43%

        -กลุ่มเครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอลล์และอาหาร 21%

ประเทศเวียดนาม มูลค่าตลาดรวม 26,000 ล้านดอลลาร์/ปี

        -กลุ่มสุรา 39%

        -กลุ่มเบียร์ 59%

        -กลุ่มเครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอลล์และอาหาร 2%

ประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าตลาดรวม 14,000 ล้านดอลลาร์/ปี

        -กลุ่มสุรา 4%

        -กลุ่มเบียร์ 9%

        -กลุ่มเครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอลล์และอาหาร 87%

ประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่าตลาดรวม 20,000 ล้านดอลลาร์/ปี
 

        -กลุ่มสุรา 13%

        -กลุ่มเบียร์ 37%

        -กลุ่มเครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอลล์และอาหาร 50%

จากตัวอย่างบางประเทศจะเห็นว่าสัดส่วนตลาดน็อนแอลกอฮอลล์ค่อนข้างสูง ทำให้ไทยเบฟต้องเพิ่มโฟกัสตลาดเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอลล์ โดยตั้งงบลงทุนของทั้งกลุ่ม 5,000-8,000 ล้านบาท แต่ให้น้ำหนักไปที่น็อนแอลกอฮอลล์มากที่สุด
 

ด้านนายโฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ และกลุ่มงานดิจิทัลและเทคโนโลยี กล่าวว่า ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์มีรายได้ช่วง 9 เดือนแรกปี 2565 จำนวน 12,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% ส่วนกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย 1,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4%
 

สำหรับธุรกิจน็อนแอลกอฮอลล์ ไทยเบฟจะขยายกลุ่มเครื่องดื่มสุขภาพ ไร้น้ำตาล หรือน้ำตาลน้อย ซึ่งหลังจากเปิดตัวโออิชิ ฮันนี เลม่อน น้ำตาล 0% ยอดขายชาพร้อมดื่มเติบโตมากกว่า 70%
 

นอกจากนี้ ไทยเบฟได้เปิดเครื่องดื่มเซ็กเมนต์ใหม่ อาทิ ZEA Tuna Essence  ซุปปลาทูน่าสกัดโอเมก้า 3 และวิตามินบี 12 ลงตลาดเสริมแกร่งพอร์ตฯ เครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอลล์
 

ขณะที่อนาคตทางที่ไทยเบฟจะไปเพื่อขยายกลุ่มน็อนแอลกอฮอลล์จะแบ่งออกเป็น 7 ด้าน ได้แก่
 

        - น็อนแอลกอฮอลล์และอาหาร (NAB)
 

        - อินโนเวชั่น

        - เฮลท์แอนด์เวลเนส

        - นิวมาร์เก็ต บุกตลาดใหม่ ๆ

        - นิวแคธิกอลี แตกไลน์สินค้าเพิ่ม

        - แพ็กเกจจิ้งฟู้ด

        - แดรี่โปรดักต์