จับตาศาลรธน. วินิจฉัย ปมนายก 8 ปีในวันพรุ่งนี้

จับตาศาลรธน. วินิจฉัย ปมนายก 8 ปีในวันพรุ่งนี้ ของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" SET อาจหลุด 1,600 จุด หากเกิด สุญญากาศการเมือง

หลายฝ่ายกำลังจับตาว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะรับพิจารณาและมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หลังจาก นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ลงนามส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีที่อาจเป็นทริกเกอร์สำคัญของการเมือง เศรษฐกิจ และการลงทุน 


ซึ่งหากมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยุบสภา ออกมาก่อน อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และกดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงหลุดระดับ 1,600 จุด และอาจก่อให้เกิดวิกฤติครั้งใหม่


โดยคุณอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ให้มุมมองกับ Wealthy Thai ว่า หากมีการประกาศยุบสภา หรือ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ทำให้ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง มองเป็นสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทย อาจกดดันให้ SET หลุด 1,600 จุด


ในทางกลับกันหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป มองเป็น NEUTRAL แต่อาจมีปัจจัยลบเข้ามากระทบตลาดหุ้นเป็นระยะจากการชุมนุม ซึ่งต้องติดตามพัฒนาว่าจะรุนแรงมากแค่ไหน


ทั้งนี้ กรณีที่ SET หลุด 1,600 จุด มองเป็นจังหวะ ซื้อ เพราะเป็นปัจจัยลบชั่วคราว อาจกดดันดัชนีประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยหุ้นที่น่าสนใจเป็นหุ้นที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น CPALL CRC BBL SCB


ด้านคุณกรภัทร วรเชษฐ์ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน กล่าวในรายการ Market Price ก่อนเปิดตลาด ปัจจุบันงบประมาณปี 2566 วาระ 3 ยังไม่ผ่านกระบวนการรัฐสภา ดังนั้นหากเกิดการยุบสภา จะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง และรอยต่อหลังจากนี้ไปจะต้องใช้งบประมาณในปี 2565 ซึ่งไม่เอื้อต่อการเติบโต เพราะเป็นงบประมาณที่กระจายเพื่อภาวะ pandemic ไม่ได้เน้นด้านการลงทุน 


โดยภาพรวมการยุบสภาจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย ดัชนีอาจปรับตัวลงประมาณ 1-3 วัน เพื่อสะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่แย่ลง ประเมินแนวรับที่ 1,609 จุด และ 1,598 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,625 จุด และ 1,681 จุด


ขณะเดียวกันหากมีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และเลือกรองนายกหรือใครขึ้นมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทน มองว่าอาจไม่ได้ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยมากเพราะกระบวนการรัฐสภายังคงดำเนินต่อไปได้