เมื่อ "กำแพงภาษี" ไม่ได้ปกป้องเราอย่างที่คิด
มาตรการกีดกันทางการค้า เช่น ภาษีศุลกากร (Tariff) และ มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) เคยเป็นเครื่องมือยอดฮิตของประเทศมหาอำนาจในการปกป้องตลาดในประเทศ กระตุ้นการผลิต และใช้ต่อรองทางการเมือง — โดยเฉพาะในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์
แต่ในโลกที่การค้าเชื่อมโยงกันทุกห่วงโซ่…
คำถามจึงไม่ใช่แค่ “เราควรตั้งภาษีไหม?”
แต่คือ “กำแพงที่เราตั้ง กำลังกันคนอื่น หรือกำลังกั้นตัวเราเอง?”

Tariff: ภาษีที่มากกว่ารายได้
Tariff คือภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้า
→ฟังดูดี เพราะทำให้สินค้าต่างชาติแพงขึ้น
→แต่ผลกระทบมักย้อนกลับมาโดยที่เราไม่รู้ตัว
• ผู้บริโภคในประเทศต้องจ่ายแพงขึ้น
• ผู้ผลิตที่ต้องใช้วัตถุดิบนำเข้า → ต้นทุนเพิ่ม
• ประเทศคู่ค้าตอบโต้ด้วยภาษีกลับ → ส่งออกเรากระทบเต็ม ๆ
“If you tax imports, you essentially tax exports.”— Milton Friedman
กำแพงที่เราสร้าง อาจกลายเป็นคุกขังการเติบโตของเราเอง
Non-Tariff Barriers: กำแพงที่มองไม่เห็น
เมื่อกำแพงภาษีเริ่มถูกจำกัด... ประเทศต่าง ๆ จึงหันมาใช้ "กำแพงเงียบ" แทน เช่น
• โควตานำเข้า
• มาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัย
• การตรวจสอบแหล่งกำเนิด
• ใบอนุญาตเฉพาะ ฯลฯ
มาตรการพวกนี้อาจดูเหมือน “กฎธรรมดา”
แต่สำหรับผู้ส่งออกจากประเทศกำลังพัฒนา นี่คือ กำแพงจริง
สินค้าบางชนิดถูกปฏิเสธเพราะไม่ผ่าน CBAM ของ EU
อาหารที่ถูกตรวจเข้มในญี่ปุ่นเพราะกฎสุขอนามัย
“Regulation is a stealth weapon of protectionism.” — Pascal Lamy
กฎระเบียบ…คือกำแพงที่ไม่มีใครเรียกว่ากำแพง
เมื่อ “สิ่งแวดล้อม” กลายเป็นอาวุธทางการค้า
กำแพงยุคใหม่ ไม่ได้มาในรูปของภาษี แต่มาในรูปของเงื่อนไข
• สินค้าไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม = นำเข้าไม่ได้
• สินค้าไม่มีข้อมูล traceability = ส่งออกลำบาก
• สินค้าผลิตจากป่าไม้ที่ไม่มีใบรับรอง = ส่งออกไม่ได้
ในศตวรรษที่ 21 กำแพงภาษีไม่ใช่เรื่องภาษี... แต่มันคือเรื่องของ “โลกที่เปลี่ยนไป”
แล้วไทยอยู่ตรงไหน?
• ใช้ Tariff แบบพิกัดอัตราซ้อน → ใครมี FTA ได้ลด ใครไม่มี เจอเต็ม
• ใช้ Non-Tariff Barriers เช่น การจำกัดนำเข้า หรือออกใบอนุญาตเฉพาะ
แต่ในเชิง ส่งออก เราคือ “ผู้เผชิญ” มากกว่าผู้ควบคุม
สินค้าเกษตรไทยหลายชนิดติดด่านกฎระเบียบในตลาดพัฒนาแล้ว
ผู้ประกอบการรายย่อยไทยหลายรายยังไม่พร้อมรับมือมาตรฐานสิ่งแวดล้อมใหม่
และในอนาคต… ถ้าเราไม่ปรับตัว กำแพงพวกนี้จะไม่ใช่แค่กันของออก แต่กันความฝันของ SME ไทยด้วย
Trade War = Lose-Lose Game
“สงครามการค้าไม่มีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้ทั้งสองฝ่าย”
เมื่อภาษีทำให้ของแพงขึ้นทั่วโลก ห่วงโซ่การผลิตสะดุด
และผู้บริโภคทุกประเทศต้องจ่ายราคาของความขัดแย้งนี้ร่วมกัน
บทสรุป: ปรับใหม่ ไม่ใช่แค่ปกป้อง
“กำแพงภาษี” อาจใช้ได้ผลในบางกรณี แต่ไม่ใช่ทางรอดระยะยาว
สิ่งที่ปกป้องประเทศได้ดีที่สุด ไม่ใช่กำแพง ไม่ใช่แค่ “กันไม่ให้คนอื่นเข้า”
แต่คือ ขีดความสามารถในการแข่งขัน
เพราะโลกวันนี้ไม่ใช่สงครามของ “ใครกันเก่งกว่า”
แต่เป็นสนามของ “ใครแข็งแรงพอจะวิ่งไกลกว่า”
เรื่องและภาพ: ชนิยา ชัยพฤกษ์ Economist, Bnomics
════════════════
เนื้อหาข้อมูลที่มาจาก.. Bnomics by Bangkok Bank