ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิเคราะห์ DELTA กับยอดเขา 824 บาท

โดย dave
เผยแพร่ :
53 views

วิเคราะห์ DELTA กับยอดเขา 824 บาท กำไรหมื่นล้านก็ไม่พอกับความคาดหวัง

หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ฟอร์มยังร้อนแรงต่อเนื่องในช่วงย้อนหลัง 5 วันทำการ โดยวันที่ 21 ธ.ค.ราคาหุ้นยังปิดที่ระดับ 378 บาทต่อหุ้น แต่ในวันนี้ล่าสุด 28 ธ.ค.ราคาเพิ่มขึ้นมายืนเหนือระดับ 824 บาทต่อหุ้น จนส่งผลให้มีมาร์เก็ตแคปทะยานขึ้นเป็นอันดับที่ 2 แซงหน้าบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่รู้ว่าจะวิ่งไปถึงเท่าไหร่


ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น ได้สะท้อนกับความคาดหวังจากนักลงทุน ที่ว่ากันว่า ราคาณ.จุดปัจจุบัน หากบริษัททำกำไรได้ในปีนี้ 1 หมื่นล้านบาทก็อาจไม่เพียงพอรักษาความคาดหวังนักลงทุน


โดยก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันทาง Wealhty Thai ได้นำเสนอประเด็นว่าหากหุ้น DELTA ราคา 720 บาท
จะมีมูลค่าบริษัทวิ่งแซงหน้า AOT ขึ้นไปเป็นอันดับที่ 2 ของตลาดหุ้นไทย (https://www.wealthythai.com/web/contents/WT201200242?fbclid=IwAR2pyNfMYmO2bTDhqXSoISbKFYDSeth36pWNlp9Fof2APGHtbkCQPX9GABM)



ในวันนี้เอง DELTA ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้” (Anything can happen) แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนหลายท่านคงจะสงสัยว่าแล้วจุดจบของราคาหุ้น DELTA จะไปสิ้นสุดที่ใด รวมถึงอะไรเป็นจุดที่จะทำให้ราคาหุ้นสะดุด คงจะต้องมารอดูว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ Wealthy Thai จะพาไปดู


นายศุภชัย วัฒนาวิเทศกุล นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด มองว่า สำหรับนักลงทุนที่ขณะนี้ยังไม่ได้ถือหุ้น DELTA ก็ไม่แนะนำให้เข้าไปซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นตอนนี้ถือว่าปรับตัวขึ้นมาเกินความคาดหมายของตลาดอย่างมีนัยสำคัญไปแล้ว


ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่เข้ามากระทบก็จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนที่จะ Short Selling ก็ควรจะระมัดระวัง เนื่องจาก DELTA จะถูกคำนวณเข้าซื้อขายให้ SET 50 ทำให้สถานะของกองทุนบางกองจะต้องถูกบังคับซื้อ ซึ่งถ้านักลงทุนที่จะไม่ได้เปิดสถานะก็แนะนำนว่าให้รอผ่านพ้นช่วงปลายปี 63 ไปก่อน


ขณะเดียวกันจะต้องติดตามความสามารถในการทำกำไรของDELTA หากไม่สามารถทำผลประกอบการให้ออกมาอย่างที่นักลงทุนคาดหวังได้ ประกอบกับปัจจัยที่สำคัญการการที่ค่าเงินบาทหากแข็งค่าในลักษณะนี้ต่อเนื่องไปอีกก็จะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เพราะราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นไปเกินมูลค่าที่เหมาะสมแล้ว ก็อาจจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นให้ปรับลดลงมาได้


แต่อย่างไรก็ตามถ้านักลงทุนมีหุ้นอยู่ที่ราคาต่ำเพียง 30 บาท ถ้าจะถือต่อก็สามารถถือหุ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามหากมีหุ้นอยู่ที่ราคา 200-300 บาทก็ควรหาโอกาสที่จะขายเพื่อทำกำไร ทั้งนี้หากจบเรื่องการได้รับเข้าคำนวณใน SET 50 แล้วสิ่งที่จะตามมาคือความคาดหวังเรื่องผลประกอบการ ว่าจะเป็นไปตามที่มองกันไว้ได้หรือไม่ ซึ่งหากทำไม่ได้ตามที่ตลาดให้พรีเมี่ยมไว้ราคาหุ้นก็จะเริ่มกลับด้าน


นอกจากนี้มองว่าหุ้น DELTA จะไม่กลับไปซื้อขายที่ P/E ระดับ 18 เท่าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว โดยหากอิงที่ราคา 720 บาท จะได้ P/E ที่ 110 เท่า (ในปัจจุบันเทรดที่ P/E 144 เท่า) โดยหากคิดค่า P/E ที่บริษัทชั้นนำของตลาดหุ้นไทย ซื้อขายกันสูงสุดแค่เพียง 40-50 เท่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าตอนนี้ P/E ปรับเพิ่มขึ้นเกินไปเท่าตัวแล้วจากสิ่งที่ควรจะเป็น


โดยภายใต้สมมุติฐานของประมาณการที่ตลาดคาดการณ์ว่าถ้า DELTA สามารถทำกำไรได้ 10,000 ล้านบาท P/E ก็ควรจะอยู่ที่ 90 เท่า ณ ราคา 720 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้มองว่าหากทำกำไรได้ 10,000 ล้านบาท ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ราคาหุ้นยืนที่ในระดับนี้ได้ ถ้าในหลักการ P/E ที่ 50 เท่ากำไรจะต้องโต 30-40% เพื่อให้เหมาะสมกับที่ตลาดให้พรีเมี่ยม แต่ถ้า P/E มันเกินมา 100 เท่า ดังนั้นในแง่ของผลประกอบการจะต้องโตเท่าตัวในทุกๆปี ซึ่งจะไม่ได้เห็นในจุดนี้

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave