เปิดรายชื่อหุ้นน่าลงทุน
ในกลุ่ม “ไฟแนนซ์”
.
หุ้นกลุ่ม Finance ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก ดังนั้น “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ในครั้งนี้ ทีมข่าว Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มนี้ หลังจากนักวิเคราะห์ออกมาประเมินว่าเริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนดอกเบี้ย รวมทั้งความต้องการสินเชื่อยังสูง ไม่ได้รับผลจากมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง และได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ
.
สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีความเห็นว่า เริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกในกลุ่มผู้ประกอบการสินเชื่อมีหลักประกัน หนุนจาก
1. ทั้ง SAWAD และ MTC เริ่มทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ตั้งแต่เดือน ก.ค. เพื่อส่งผ่านผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินที่เร่งตัวขึ้นจากการออกหุ้นกู้รอบใหม่ที่มีดอกเบี้ยสูงขึ้น ทำให้ NIM มีเสถียรภาพมากขึ้นจากเดิม
.
2.ภาพรวมของเศรษฐกิจในไตรมาส 3/66 ยังเป็นการฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง (Uneven Recovery) ทำให้ความต้องการสินเชื่อเงินด่วน ทั้งเพื่อเสริมสภาพคล่องของธุรกิจรายเล็กและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันยังมีอยู่มาก หนุนให้คาดพอร์ตสินเชื่อของทั้ง SAWAD และ MTC จะยังเร่งขึ้นต่อทั้งจากไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน
3. สินเชื่อจำนำทะเบียนไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแก้ปัญหาลูกหนี้เรื้อรังของ ธปท. ที่จะเริ่มปรับใช้ต้นปี 2567
.
และ 4. ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐฯ ที่กลับมาเร่งดำเนินการ ทั้งในส่วนของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ อย่าง ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม รวมถึงมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกร ซึ่งล้วนแต่ช่วยให้ลูกหนี้ที่มีรายได้น้อยมีความสามารถในการชาระเงินคืนสูงขึ้น (SAWAD และ MTC มีลูกหนี้เป็นเกษตรกรราว 10% และ 40% ตามลำดับ) หนุนให้คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มแข็งแรงขึ้น ลดแรงกดดันจากการตั้งสำรอง
.
สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาส 3/66 เบื้องต้นคาด SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 1,300-1,400 ล้านบาท โตทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน หนุนด้วยรายได้ดอกเบี้ยรับที่ปรับขึ้นได้ดี สอดรับกับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อทั้งจำนำทะเบียนและสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือหนึ่ง
.
อีกทั้งเป็นไตรมาสแรกที่จะรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจากบริษัทเงินสดทันใจเข้ามาหลังเริ่มรวมงบการเงินตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/66 นอกจากนี้คาดจะมีประเด็นบวกจากฝั่งค่าใช้จ่ายที่ Cost to Income Ratio จะเริ่มลดลง จากการลดอัตราการจ่ายผลตอบแทนให้กับดีลเลอร์ และพนักงานขาย รวมถึงการตั้งสำรองที่ปรับลง หลังไม่มีรายการพิเศษเหมือนในไตรมาส 2/66 (ราว 220 ล้านบาท)
.
ขณะที่ไตรมาส 4/66 คาดกำไรเร่งตัวขึ้นต่อ ตามขนาดของพอร์ตสินเชื่อที่ใหญ่ขึ้นและผลของการปรับลดค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนมากขึ้น หนุนให้คาดทั้งปี 2566 จะมีกำไรสุทธิ 5,524 ล้านบาท โต 23.4% จากปีก่อน และในปี 2567 เติบโตต่อ 21.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
.
ส่วน MTC คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 ที่ราว 1,200 ล้านบาท จะทรงตัวทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการจูงใจพนักงานให้ดูแลคุณภาพลูกหนี้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการตั้งสำรองที่ยังทรงตัวสูง หักล้างปัจจัยบวกจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมที่โตดี
.
ทั้งนี้คาดผลดำเนินงานของ MTC จะกลับมาโตในไตรมาส 4/66 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน หลังลูกหนี้ในพอร์ตเริ่มมีความสามารถในการชำระคืนเงินดีขึ้น ทำให้คาด MTC จะมีกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 4,747 ล้านบาท ลดลง 6.8% จากปีก่อน และในปี 2567 พลิกกลับมาโต 17.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หลังการตั้งสำรองเริ่มลดต่ำลงแล้ว
.
ดังนั้นคงแนะนำลงทุนกลุ่ม Finance “เท่ากับตลาด” เนื่องจากมองบางธุรกิจในกลุ่มยังมีความเสี่ยง แต่บริษัทสินเชื่อมีหลักประกันอย่าง SAWAD และ MTC เริ่มมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุน หนุนจากผลดำเนินงานที่จะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป
.
อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฐานราก หลังภาครัฐฯ เตรียมออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง/ยาว ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายคาดอยู่ในช่วงปลายขาขึ้นแล้ว หลังปรับขึ้นต่อเนื่องจนสูงกว่าก่อน COVID-19
.
นอกจากนี้ปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2567 ทำให้ SAWAD ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 68.50 บาท จากเดิมที่ 64 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ส่วน MTC ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 48 บาท จากเดิมที่ 36 บาทเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ ”จากเดิม “TRADING”
.
ส่วนคำแนะนำหุ้นตัวอื่น เริ่มจาก AEONTS แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 204 บาท, AMANAH แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 2.86 บาท, BAM แนะนำ TRADING ราคาเป้าหมาย 14 บาท, CHAYO แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท และ KTC แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 58 บาท
